“เค้าว่า เราเลิกกันเถอะ” ... “อีกแล้วหรอ?” ...นั่นสิจ้ะ ขอเลิกอีกแล้วหรอ บอกเลิกผู้ชายทุกครั้งที่รอบเดือนมาสินะ แล้วกล้าเลิกจริง ๆ ไหมล่ะ? ตอบเลยว่าน้อยคนมาก ๆๆ สองไม้ยมกยังไม่เคยพอ อันนี้เขียนมาเตือนสาว ๆ นะคะ ใครยังใช้โปรโมชั่น “บอกเลิกแฟน” ไม่หมด ก็ต้องรู้กันเอาไว้เลยว่า ผู้ชายของคุณ
อาจหมดความกลัวไปแล้ว และเมื่อไหร่ที่เขาเกิดอยากเลิกขึ้นมาจริง ๆ แล้วคุณยังใช้โปรนี้อยู่ ก็จะได้เลิกกันจริง ๆ แบบที่เขาไม่ผิดเสียด้วย เพราะเขาไม่ได้ทิ้งคุณไง คุณนี่แหละที่เป็นฝ่ายบอกเลิก ผู้ชายก็จะเอาไปโม้ เอาไปแก้ตัวกับใคร ๆ ได้ ทีนี้เราก็เสียเลยสิ
แล้วทำไมเราถึงบอกเลิกผู้ชายกันบ่อยจัง? ไหนมาคุยกันหน่อยซิสาว ๆ
หากคุณเสิร์ชหาคำตอบจาก Google จากทั่วโลกว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบบอกเลิก When a woman says she needs a break. มันอาจไม่เจอคำตอบของความหมายนี้ได้เท่ากับคุณตั้งคำถามว่า
“ทำไมผู้หญิงเราปากไม่ตรงกับใจ” คราวนี้แหละ คุณจะพบกับการตั้งคำถามกันทั่วโลกออนไลน์เลยว่า เออ ทำไมพวกผู้หญิงนี่ปากอย่างใจอย่างแบบนี้นะ
เวลาที่ผู้หญิงถามว่า
“ตัวเอง เค้าอ้วนขึ้นเนอะ” แล้วคุณผู้ชายบังอาจตอบไปว่า
“ใช่ ๆ อย่ากินเยอะสิ” ...คุณก็อาจโดนบอกเลิกได้อีก รู้เอาไว้! มันง่ายขนาดนั้นเลย!
แล้วทำไมผู้หญิงที่เสพติดการบอกเลิกอย่างนั้นล่ะ?
และถ้าเมื่อไหร่ที่เธอบอกว่า เราเลิกกันเถอะ...ครั้งแรกผู้ชายอาจน้ำตาตก ตื่นตระหนกตกใจ เพราะชีวิตนี้เพิ่งจะเคยมีแฟน ยังรักคุณมาก อะไรก็ว่ากันไป แต่พอเขาโดนบ่อย ๆ เข้าก็เกิดความเข้าใจ หากเป็นช่วงแรก ๆ ที่ผู้ชายยังให้ท้ายกันอยู่บ้าง พอโดนบอกเลิกก็แค่เอาใจพาไปกินข้าว ดูหนัง หรือพาไปช้อปปิ้ง ลิปสติกสักแท่ง กระเป๋าสักใบ บวกคำง้อให้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย ก็ปิดจ๊อบได้
แต่เชื่อไหมว่าแม้แต่ผู้หญิงเราก็ยังตั้งคำถามกับตัวเองบ้างเหมือนกันว่า
“เมื่อไหร่ฉันจะหยุดบอกเลิก มันงี่เง่ามาก” แต่มันหยุดไม่ได้สินะ นั่นอาจเป็นเพราะ
ฉันคุมเกม
ผู้หญิงรู้สึกเป็นต่อ รู้สึกเป็นผู้คุมเกม เธอรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่เลิกหรอก (ก็บอกมาหลายครั้งแล้วไง)
เคยตัว มั่นเกิน
ผู้หญิงรู้สึกไม่ได้อย่างใจ เพราะถูกตามใจมาตลอด และก็ไปดูที่ข้อแรกเลย บอกไปเพื่อบอกเป็นนัย ๆ ว่า ถ้าเธอยังทำแบบนี้อีก ระวังจะโดนฉันทิ้ง (มั่นเนอะ)
หงุดหงิดกับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของผู้ชาย
ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมาบ้าง คือส่วนมากผู้ชายจะเฉย ๆ นิ่ง ๆ เกินไป การไม่แสดงความคิดเห็นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ก็จะโดนผู้หญิงหงุดหงิดได้เหมือนกัน มันก็แค่การบอกเป็นนัย ๆ อีกนั่นแหละ แต่ผู้ชายก็ยังไม่เข้าใจภาษาของเราหรอก
ต้องการแสดงอำนาจ
ผู้หญิงบางคนก็จิตนิด ๆ นะ ชอบบอกเลิกเพื่อแสดงอำนาจ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่า ฉันควบคุมเขาได้เสมอ
อยากได้การแสดงความรักมากกว่าทุกวัน
คือบางทีทำไมไม่บอกไปล่ะว่า ที่เดินป้วนเปี้ยนใส่กางเกงสั้นจู๋ผ่านหน้าไปมาอยู่เนี่ย คืออยากบอกว่าช่วยกอดหน่อยสิ แล้วมันอารมณ์เสียใช่ไหมที่เขาไม่ได้สนใจ เอาแต่นั่งดูบอล แล้วก็มาโกรธ ๆ เลิก ๆ
อยากเลิกจริง ๆ ก็มีแต่เลิกไม่ได้เพราะรักมาก
แต่ขณะเดียวกันผู้หญิงก็บอกเลิกเพราะอยากเลิกจริง ๆ หลายครั้ง แต่ก็เลิกไม่ได้เพราะยังรัก และผู้ชายที่ยังไม่เจอใครใหม่ก็ไม่ไปเสียที กรณีนี้ก็มีไม่น้อย
อารมณ์หงุดหงิดช่วงมีประจำเดือน
ฮอร์โมนจากช่วงรอบเดือนนี่แหละตัวดี อารมณ์วีน ๆ เหวี่ยง ๆ เอากับคนใกล้ตัว มีสติหน่อย หาอะไรทำผ่อนคลายแล้วอยู่ห่าง ๆ กันสักนิด เตือน ๆ เขาไว้หน่อยก็ได้นะคะว่า ช่วงนี้จะเหวี่ยงหน่อยนะ เพราะฉันกำลังจะเป็นเมน เธอก็ไปทำอะไรของเธอ หรือจะคอยนั่งเอาใจรองรับอารมณ์ก็แล้วแต่ ทนได้ก็ทนนะ
ระบายความเครียด
เครียด บางทีเวลาเครียดก็คือเหวี่ยง พูดอะไรไม่คิด ระวังเอาไว้หน่อยนะคะ
ปฏิกิริยาโต้ตอบแบบตรงข้ามความรู้สึกจริง
อาจมาจากทฤษฎี
Reverse Psychology ได้เหมือนกันไหมล่ะ ที่ผู้หญิงเราจะพูดอะไรออกไปตรงกันข้ามกับความรู้สึก เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการกระทำของเขา คือแทนที่จะบอกว่า
“รักฉันหน่อย” “เอาใจหน่อยสิ” หรือ
“กอด ๆ กันหน่อยได้ไหม เค้าเหนื่อยจัง” กลายเป็นท้าทายบอกเลิกเค้าซะงั้น
เปลี่ยนคำบอกเลิกให้เป็นคำศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะหากสาเหตุที่บอกเลิกนั้นมาจากนิสัยของผู้หญิงเราเอง คือแค่อยากแสดงอำนาจ ต้องการความรู้สึกที่มั่นคงคล้าย ๆ เช็คความรู้สึกของฝ่ายชายว่าเธอยังรักฉันอยู่ไหมนั้น แก้ที่ตัวเราเองเถอะค่ะ เพราะการเอาแต่บอกเลิกมันไม่เคยช่วยให้ชีวิตคู่ของใครดีขึ้น ยกเว้นกรณีที่บอกเลิกกันอย่างเด็ดขาดไม่พร่ำเพรื่อ กรณีนี้ผู้ชายหลายคนจะรีบปรับปรุงตัวโดยด่วน และผู้หญิงแบบนี้มักเป็นแสดงออกด้วยการเงียบ ไม่พูด พูดอีกทีคือ เก็บกระเป๋าออกจากบ้านเรียบร้อยแล้ว
-----------------------------------------------------------------------
“ คุณต้องไม่พร่ำเพรื่อ ไม่ทำให้การบอกเลิกกลายเป็นแค่อาการง้องอน
ต้องทำให้มันศักดิ์สิทธิ์ หยิบออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ไล่ผีร้ายออกตอนนั้นเลย ”
-----------------------------------------------------------------------
แต่ถ้าคุณบอกเลิกจนติดเป็นนิสัยแล้ว แนะนำว่า ไม่ใช่เอาแต่นั่งบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่พูด เพราะมันจะเป็นไปโดยทฤษฎีทางจิตวิทยาที่บอกว่า
เมื่อคุณตั้งใจกับอะไรมาก ๆ ที่จะไม่คิดถึงมัน สมองของคุณดันจะไปพยายามเก็บมันเอาไว้ซะงั้น (จากหนังสือ
White Bears and Other Unwanted Thoughts: Suppression, Obsession, and the Psychology of Mental Control. โดย Harvard University psychologist Daniel Wegner)
เพราะฉะนั้น ได้เวลาทำความเข้าใจกับตัวเองแล้วหยุดบอกเลิกได้หรือยัง เปลี่ยนมาเป็นคุยกันให้รู้เรื่อง มีสติให้มากขึ้น ผู้หญิงยุคใหม่ไม่บอกเลิกพร่ำเพรื่อนะจ๊ะ จำไว้เลย
เนื้อหาโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th