Ingredient ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้เรียกว่าใครไม่มีคือตกขบวน คงหนีไม่พ้น “เรตินอล” สำหรับใครที่เพิ่งเข้าวงการอยากลองใช้ แต่ไม่รู้จะเลือกเรตินอลยังไงเหมาะกับผิว? เรตินอลต้องทายังไง? ไม่ให้ระคายเคือง วันนี้ *Cosmenet จะมาสรุปให้อ่านแบบเข้าใจง๊ายง่ายทำตามกันได้แน่นอน!
แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าเรตินอล คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง ไปอ่านต่อกันได้ที่นี่เลยกับเรตินอล คืออะไร และความแตกต่างระหว่าง Retinol กับ Ratinal คืออะไร ก่อนจะใช้ให้ถูกต้องก็ควรทำความเข้าใจและแยกแยะให้ถูกก่อนน้าา จะได้บำรุงผิวได้ถูกต้องกัน!!
เริ่มใช้เรตินอลตอนอายุเท่าไหร่ดี?
อายุที่สามารถเริ่มทาเรตินอล (Retinol) ได้ คือตั้งแต่ 20 - 50 ปีขึ้นไป โดยมีข้อแตกต่างในการใช้เรตินอลตามอายุ ดังนี้
- อายุ 20 ปี + ที่เริ่มมีริ้วรอยก่อนวัย: สำหรับสาว ๆ วัย 20 ปีขึ้นไปที่ดันเริ่มมีริ้วรอยไวกว่าเพื่อน อาจด้วยพันธุกรรม และการทากันแดดที่ไม่เพียงพอจนทำให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ แนะนำให้เริ่มใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลความเข้มข้นต่ำประมาณ 0.01%-0.025% โดยเน้นใช้ในตอนกลางคืน และใช้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ เพื่อเป็นตัวช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยที่มากขึ้น แถมยังช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม และลดเลือนรอยสิวที่มักจะมีในวัย 20 ด้วยน้าา
- อายุ 30 ปีที่มีริ้วรอยแห่งวัย: สำหรับสาว ๆ วัย 30 ที่ร่องหน้าผาก ตีนกา และริ้วรอยตื้นเริ่มมาให้เห็นชัดขึ้น ควรทาเรตินอลที่มีความเข้มข้นปานกลางหรือครีมและเซรั่มที่มีส่วนผสมของเรตินอลอย่างน้อย 0.04% ถึง 0.1% อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รวมถึงเรตินอลยังมีส่วนช่วยเรื่องคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวเพื่อชะลอการเกิดร่องลึก และเติมผิวให้ดูเต็มขึ้น
- อายุ 40 - 50 ปี ริ้วรอยลึกเริ่มแสดงตัว: สาว ๆ middle age ที่เริ่มเข้าสู่สเตจการสูญเสียความกระชับของผิว รวมถึงมีริ้วรอยฝังลึกประจำตัวแล้ว สามารถกระโดดเข้าหาเซรั่มเรตินอล หรือ retinol treatment ความเข้มข้นสูงถึง 0.5%-1% ได้เลย เพราะนอกจากจะช่วยลดเลือน และชะลอไม่ให้ริ้วรอยฝังลึกไปกว่านี้ ยังช่วยเสริมความตึงกระชับให้ผิวดูอิ่ม ดูเต็ม ดูอ่อนวัยกว่าที่เคยได้อีกด้วย
วิธีทาเรตินอลที่ถูกต้อง 101 ทาแบบนี้ผิวไม่ระคายเคืองชัวร์!
วิธีทาเรตินอลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือ ทาตอนกลางคืนทันทีหลังล้างหน้า ซับหน้าให้แห้งสนิท และลงเรตินอลเป็นตัวแรก จากนั้นจึงค่อยลงเซรั่ม อิมัลชั่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ต่าง ๆ ตามลำดับสกินแคร์ได้เลย
แต่ใครอยากรู้วิธีละเอียด ๆ แบบ HOW TO ทาเรตินอล 101 ก็มาทำตามวิธีด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
1. หาเรตินอลที่ความเข้มข้นเหมาะกับผิว: โดยให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรใกล้บ้าน เพื่อช่วยดูสภาพผิวและจับคู่เรตินอลที่เหมาะสมกัน สำหรับคนที่ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน อาจสามารถใช้เรตินอลความเข้มข้นต่ำไปจนถึงความเข้มข้นปานกลางได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุ แต่คนที่ผิวแพ้ง่าย หรือคนที่อายุยังน้อย แนะนำให้ใช้เรตินอลความเข้มข้นต่ำไว้ก่อนจะดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิว และค่อย ๆ ให้ผิวชินกับการทำงานของเรตินอลแล้วค่อยเพิ่มความเข้มข้นตามปัญหาผิวอีกทีก็ยังได้
2. ทดสอบการแพ้ก่อนเสมอ: เนื่องจากเรตินอลมีความเป็นกรด หากใช้ในปริมาณมาก หรือเป็นคนที่ผิวแพ้ระคายเคืองง่าย อาจจะทำให้เกิดการแสบ แดง ลอก และผิวแห้งขั้นสุดได้ จึงควรทดสอบการแพ้บริเวณข้อมือ ท้องแขน ใต้สันกราม หรือบริเวณที่ผิวอ่อน ๆ เพื่อดูปฏิกริยาของผิวก่อนที่จะทาลงบนใบหน้าอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่เรตินอลเท่านั้น แต่สำหรับสกินแคร์ทุกชิ้นเลยเราควรทดสอบการแพ้ก่อนทาลงบนใบหน้าเสมอนะจ๊ะ
3. ใช้เรตินอลตอนกลางคืนเท่านั้น: เมื่อได้เรตินอลที่เหมาะกับผิว และทดสอบการแพ้แล้วว่าใช้ได้ ก็เพิ่มเรตินอลไว้ใน night time skincare routine ของตัวเองได้เลย เพราะผิวที่ทาเรตินอลจะมีความไวต่อแสงแดด จึงควรทาหลังล้างหน้าและซับหน้าแห้งสนิท ควบคู่กับการทามอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวชุ่มชื้น ข้อสำคัญคือ ห้ามทาเรตินอลควบคู่กับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองได้ค่ะ
4. ปริมาณที่เหมาะสมในการเริ่มใช้เรตินอล: มือใหม่หัดทาเรตินอล ต้องทำความเข้าใจว่า เรตินอลไม่ใช่สกินแคร์ที่สามารถทาได้ติดต่อกันทุกวันในช่วงเริ่มใช้ เพราะเขาเป็นกรดวิตามินเอที่กระตุ้นผิวจากภายในให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนริ้วรอย จึงต้องค่อย ๆ ทาเพื่อให้ผิวได้ปรับสภาพและคุ้นเคยก่อน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มความถี่ขึ้น
โดยวิธีใช้เรตินอลที่ถูกต้องและไม่ระคายเคืองผิว แบ่งเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ
- การทาเรตินอลสัปดาห์แรก: ให้ใช้ตอนกลางคืนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้ผิวปรับสภาพก่อนการใช้ระยะยาว
- การทาเรตินอลในสัปดาห์ที่ 2 : เพิ่มความถี่เป็นทาตอนกลางคืนแบบวันเว้นวัน ผิวจะเริ่มคุ้นชินกับเรตินอลมากขึ้น
- ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป ก็จะสามารถทาเรตินอลได้ทุกวัน โดยที่ผิวไม่รู้สึกระคายเคืองเมื่อทาเรตินอลแล้วนั่นเองค่ะ
5. ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอทุกวัน: เมื่อเพิ่มเรตินอลเข้ามาเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยในช่วงกลางคืนแล้ว ตอนกลางวันครีมกันแดดก็ต้องทาให้ถึง ต้องมี SPF สูง มี PA+++ ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดผิวคล้ำเสีย ขาดความชุ่มชื้น หย่อนคล้อย ที่เป็นชนวนก่อให้เกิดริ้วรอยได้นั่นเอง
* สำหรับสาว ๆ ที่ทาเรตินอลอยู่แล้ว หรือมีสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลอาจทาเป็นประจำทุกวันได้เลย โดยไม่ต้องมีระยะทดลองเพราะผิวน่าจะคุ้นชินกับเรตินอลแล้ว แต่ก่อนจะเปลี่ยนแบรนด์หรือเพิ่มความเข้มข้นของเรตินอลที่ใช้ ยังไงก็อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนใช้เสมอนะ เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่ผิวจะระคายเคืองค่าา ~
ข้อควรระวังในการใช้เรตินอล
- ผู้ที่ผิวแพ้ง่ายและผิวแห้งลอกง่ายควรเลือกใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ เพราะผิวอาจรู้สึกถูกรบกวนได้หากใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นสูงเกินที่ผิวรับไหว และก่อนการใช้ครั้งแรก ควรทดสอบการแพ้ที่บริเวณท้องแขนเสมอ หลีกเลี่ยงการทาตรง ๆ บนใบหน้าเพราะอาจระคายเคือง แสบแดง อย่างรุนแรงได้
- เรตินอลอาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เพราะเรตินอลมีส่วนในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เมื่อใช้เรตินอลจึงควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปในทุกเช้าก่อนการแต่งหน้าหรือก่อนออกจากบ้าน คนที่อยู่ในที่ร่มหรืออยู่ในบ้านก็ยังควรทากันแดดเสมอ เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์ โน๊ตบุ้ค ไอแพด คอมพิวเตอร์ ก็ส่งผลเสียต่อผิวเช่นกัน
- อาจเกิดอาการระคายเคืองได้ การใช้เรตินอลในช่วงแรก อาจก่อให้เกิดการคันยุบยิบ และไม่สบายผิวได้ แต่หากใช้แล้วรู้สึกแสบ แดง ระคายเคืองจนทนไม่ได้ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติมค่ะ
- คนท้องและผู้ให้นมบุตรไม่ควรใช้เรตินอล เพราะเป็นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ หากใช้เป็นประจำจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ เสี่ยงในการแท้ง ส่งผลต่อทารกในครรภ์ที่อาจเกิดมามีอาการผิดปกติแทรกซ้อนได้ สำหรับแม่ ๆ ที่อยากบำรุงผิวสามารถไปดูลิสต์สกินแคร์ที่เหมาะกับคนท้องได้ที่นี่ >> รวม 12 สกินแคร์คนท้อง คุณแม่ตั้งครรภ์บำรุงผิวใส ปลอดภัยต่อเบบี๋
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย สำหรับวิธีการทาเรตินอลและเลือกเรตินอลให้เหมาะกับผิวฉบับมือใหม่ 101 คิดว่าน่าจะข้อมูลครบ เข้าใจง่าย และเพื่อน ๆ ชาว *Cosmenet จะนำไปใช้เพื่อเลือกซื้อและทาเรตินอลได้อย่างถูกต้องน้าา
สำหรับสาว ๆ ที่เริ่มมีริ้วรอยแต่ยังไม่อยากใช้เรตินอลเพียว ๆ มาลองตำตามลิสต์เหล่านี้ก่อนก็ได้!