10 เซรั่มลดจุดด่างดำ ปี 2024 ลดเลือนฝ้า กระ พร้อมลดรอยดำจากสิวแบบเร่งด่วน!
บทความแนะนำ

วิธีรับมือกับ “ผิวขาดน้ำ” อุปสรรคต่อต้านผิวสวยใส

9,893
28 มิ.ย. 2556
     สวัสดีค่าาาาาาา^^ อากาศแปรปรวนบ่อยๆ ร่างกายปรับสภาพแทบไม่ทันกันเลยเนอะช่วงนี้ อะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก อากาศ สภาพแวดล้อม ฝุ่นละออง นอกจากจะมีผลทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายแล้ว ก็ยังส่งผลต่อสภาพผิวของเราด้วยนะคะ ..เพื่อนๆมีใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้าแห้งแต่กลับมีน้ำมันออกมาได้ง่ายหรือว่าหน้ามันง่ายบ้างค่ะ? หรือมีใครที่เวลาแต่งหน้าแล้ว จะดูสวยเป๊ะอยู่แค่ 3-4 ชั่วโมงแรกเท่านั้น พอหลังจากนั้น เครื่องสำอางก็จะเริ่มเป็นคราบ แป้งดูอุดตันตามร่องผิวและรูขุมขนไปซะอย่างนั้น -*- อยากจะบอกว่าที่เอ่ยมาเหล่านี้ก็ล้วนเป็นปัญหาของปลาเองเช่นกันค่ะ จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ร้ายแรงอะไรเท่าไหร่หรอก เพราะปลาเองก็ไม่ได้มีอาการเหล่านี้ตลอด เพียงแต่มันจะมาเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เราไม่ได้ดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณได้ดีมากพอค่ะ วันนี้ก็เลยเอาข้อมูลดีๆ มาฝากทุกคนที่อาจจะกำลังประสบปัญหาแบบเดียวกันอยู่ค่ะ^^

     ปัญหาผิวที่คุณควรเป็นกังวล ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำจากแสงแดดเท่านั้น แต่ความร้อนทำให้ผิวระคายเคือง และสูญเสียความชุ่มชื้น สังเกตง่ายๆจากปริมาณเหงื่อที่คุณสูญเสียไปจากเซลล์ผิวหนังนอก นี่แหละคะทำให้ปัญหาของสาวๆ ช่วงหน้าร้อนอีกอย่างก็คือ.. "ผิวขาดน้ำ"

  • ผิวขาดน้ำ ขาดอย่างไร?
           อาการผิวขาดน้ำนั้นใกล้เคียงกับผิวแห้งมากค่ะ แต่จะต่างกันตรงที่จะมีทั้งความมันและแห้งแบบไม่เป็นเวลา เพราะกลไกของผิวเกิดการทำงานแบบชะงัก เนื่องจากขาดสารหล่อเลี้ยงที่สำคัญ นั่นคือน้ำ ที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานหลักของผิวหนัง ต่อให้ใช้เครื่องสำอางราคาสูง แต่ถ้าขาดวินัยในการดื่มน้ำ หรือไม่หมั่นสังเกตสภาพผิวหน้าตัวเอง มุ่งแต่จะทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสอย่างเดียวแล้วละก็ จะได้ผิวที่ขาวซีด แห้ง ไม่สดใสเปล่งปลั่งนั่นเอง

ไม่เฉพาะแต่สาวๆ ที่ต้องทำงาน Outdoor เท่านั้นนะคะ สาวออฟฟิศอย่างเราๆ ก็เผชิญกับอาการผิวขาดน้ำได้ เนื่องจาก"เครื่องปรับอากาศ" เครื่องปรับอากาศจะดึงเอาความชื้นในอากาศออกไป และลดอุณหภูมิลง เพื่อให้เกิดความเย็น ซึ่งผลที่ได้คือความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศจะลดลง อากาศจึงแห้งขึ้น อาการเบื้องต้นที่แสดงว่าผิวคุณเริ่มขาดน้ำ มีดังนี้ค่ะ


  • แต่งหน้าไม่ติด หรือไม่อยู่ทน
ลงครีมบำรุงไม่ค่อยซึม ครีมรองพื้นพอลงก็เกลี่ยยากและเป็นขุย จุดนี้ต่างจากผิวแห้งเพราะต่อให้ผิวแห้งแต่การดูดซึมก็ยังเป็นไปตามปกติ ยังสามารถเกลี่ยเครื่องสำอางและครีมบำรุงได้ง่าย แต่ผิวขาดน้ำ ผิวจะไม่ดูดซึมเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นได้เลย
  • ผิวหน้าอิดโรย ไม่สดใส ไม่ยืดหยุ่น
ผิวขาดน้ำทำให้ผิวดูหยาบกระด้างขึ้น เวลาสัมผัสที่บริเวณผิวหน้า จะขาดความยืดหยุ่น ตึง ขาดความนุ่มกระชับและกร้านมากขึ้น นั่นเป็นเสมือนสัญญาณ S.O.S ที่ร่างกายส่งมาให้เราได้รับรู้แล้วนะคะ สำหรับรายที่รุนแรงอาจจะมีรอยจ้ำแดง เนื่องมาจาก โครงสร้างของผิวที่เป็นความยืดหยุ่นขาดน้ำอย่างแรง
  • วิธีการเติมน้ำให้ผิว
  สารบำรุงประเภท Hydration
ถ้าคุณใช้เครื่องสำอางค์ประเภท Anti-aging ที่มีส่วนผสมของวิตามิน เอ หรือเรตินอล ชนิดเข้มข้น ช่วยลดริ้วรอย หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ hydrogen peroxide, retinoic acid, benzoyl peroxide, hexachlorophene เป็นต้น เพราะสารเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยิ่งทำให้ผิวขาดน้ำมากขึ้น ให้หันมาเติมน้ำให้ผิวด้วย ครีมหรือเจลตระกูล Hydration มากขึ้นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ กระบวนการของเซลล์ผิวหนัวก็จะมีประสิทธฺภาพมากขึ้น ง่ายต่อการบำรุง หรือแต่งหน้า ลดอาการขาดน้ำของผิวไปได้ค่ะ  
  • อย่านอนดึก
เรารู้ดีกันอยู่แล้วว่า พักผ่อนไม่เพียงพอไม่ดีต่อร่างกาย แน่นอนว่าไม่ดีต่อผิวคุณด้วยค่ะ สำหรับสาวขี้เกียจที่ไม่ชอบดูแลบำรุงผิวพรรณ ด้วยครีมหรือเครื่องสำอางค์หลายขั้นตอน ให้ใช้การพักผ่อน การนอน เป็นตัวหลักในการรักษาผิวพรรณก็ได้นะคะ เพราะการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะทำให้ร่างกายได้มีการฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่งผลให้ผิวเราได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ แล้วถ้านอนในห้องปรับอากาศ อย่าลืมที่จะเติมความชุ่มชื้นให้ผิวก่อนนอนด้วยนะคะ
 
  • บำรุงผิวจากภายใน ดื่มน้ำให้มากขึ้น
การดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว เป็นการบำรุงจากภายในที่ทำได้ง่ายๆ เลยค่ะ ได้ประโยชน์ทั้งร่างกาย เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกาย เฉลี่ย 50 - 60 % ของน้ำหนักตัว วิธีคิดง่ายว่าวันนึงเราควรจะดื่มน้ำเท่าไหร่ คิดง่าย น้ำหนักตัวเป็นหน่วยกิโลกรัม ไปคูณกับ 30 จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน ซึ่งมีหน่วยเป็น มิลลิลิตร (เช่น 45 กิโลกรัม x 30 = 1,350 มิลลิลิตร หรือ 1.35 ลิตรต่อวัน) ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนยังกับอะไรดี หากขาดน้ำในช่วงนี้ ไม่เพียงแค่ผิวจะไม่สวยแต่อาจจะป่วยได้ด้วยนะคะ



ผิวขาดน้ำนั้นแก้ง่ายๆ ค่ะ วิธีที่เห็นจะง่าย และตรงจุดที่สุด ก็ให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เป็นสูตร Hydration นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเป็นเวลา และก็ดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ เพื่อฟื้นฟูผิวบ้างไรบ้าง เท่านี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงไหมคะ เท่านี้ต่อให้จะร้อนแค่ไหน อากาศแห้งเท่าไหร่ ผิวเรา...ก็เอาอยู่ค่ะ

• สำหรับครีมบำรุงผิวที่มีมากมายหลายยี่ห้อนั้นต่างก็มีพื้นฐานเดียวกันคือ มีคุณสมบัติป้องกันการสูญเสียน้ำ เพราะน้ำคือตัวทำ ให้ผิวสวย คนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง พวกนี้ผิวสูญเสียน้ำเยอะ ต้องรีบฟื้นฟู
รู้อย่างนี้แล้วพยายามดื่มน้ำให้มากเข้าไว้จะดีที่สุด (ยกเว้นคนเป็นโรคไต หรือโรคที่แพทย์สั่งควบคุมการดื่มน้ำ) เพราะการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายมีวิธีเดียวเท่านั้น ส่วนการทำความสะอาดก็เอาแค่พอควร จะได้ไม่เป็นการทำลายชั้นไขมัน และเปิดรูให้น้ำระเหยออก

ส่วนเรื่องของการใช้น้ำเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางค์ หรือที่เรียกว่าวอเตอร์เบท มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว จุดประสงค์เราไม่ได้ต้องการน้ำจากเครื่องสำอางหรอกนะคะ แต่คนที่ผิวมันอยู่แล้ว และต้องการให้อาหารผิว จำพวกวิตามินอี วิตามินซี หรือสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ต่าง ๆ ก็ควรใช้เครื่องสำอางในรูปวอเตอร์เบท เพื่อให้น้ำเป็นตัวนำอาหารผิวเหล่านั้นเข้าไป เป็นการหลีกเลี่ยงสาเหตุของสิวอุดตัน

• ดื่มตอนไหนเวิร์คสุด : ควรจะหมั่นเติมน้ำให้ร่างกายคุณเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน โดยการจิบน้ำอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าจะเอาให้คำนวณออกมาง่ายๆ ก็แบ่งออกได้ 5 เวลาด้วยกัน
- ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซีซี) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
- ตอนสายๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป
- ตอนบ่ายๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)
- ตอนเย็น 2 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม)
- ก่อนนอน ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

• ในทุกๆวัน ร่างกายจะต้องสูญเสียน้ำผ่านทางการหายใจและการขับถ่าย จึงเป็นสิ่งที่จําเป็นมากที่จะต้องรับน้ำเข้าไปเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไป และโดยปกติเราจะเสียน้ำจากการปัสสาวะ การหายใจและเหงื่อ หรือกิจกรรมอื่นๆระหว่างวัน ซึ่งถ้าคุณดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร (ประมาณ 8 แก้ว) ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้ แต่ถ้าผิวแห้งขาดน้ำ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ ดื่มน้ำอาจะไม่ตรงจุด เพราะฉะนั้นหาครีมบำรุงที่เติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวรับรอง เห็นผลทันที

• แต่สําหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มให้ได้ภายใน 1 วันเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองแล้ว ถ้าเป็นหนุ่ม ๆ ควรดื่มให้ได้วันละ 2 ลิตร (ประมาณ 8 แก้ว) ส่วนสาว ๆ วันละ 1.5 ลิตร (ประมาณ 6 แก้ว) ปริมาณน้ำที่ดื่มหลักๆ ขึ้นอยู่ที่น้ำหนักตัว

• สําหรับสาว ๆ สปอร์ตี้เกิร์ล จะต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะกว่าคนปกติ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของกิจกรรมที่ทําด้วย ถ้าคุณออกกําลังกายในช่วงสั้น ๆ ก็ควรจะดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปครั้งละ 1-2 แก้วหลังจากออกกําลังกายแล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงยาว ๆ ละก็เพิ่มขึ้นอีกสัก 2-3 แก้วก็ น่าจะเพียงพอแล้ว

What's new
ป้ายยา 5 อันดับครีมกันแดดหน้า ยี่ห้อไหนดี บางเบา ซึมง่าย สบายผิว จากรีวิวผู้ใช้จริงแนะนำ 5 อันดับไอเท็มจัดการฝ้าซ้ำซาก จะฝ้าแบบไหนก็เอาอยู่ รวมตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน รีวิว 5 รองพื้นผิวโกลว์ บางเบาแต่ปกปิดเนียนกริบ ติดทนตลอดวันKMA มอบโมเมนต์กลิ่นหอมแห่งความสุข ผ่านของขวัญสุดพิเศษมัดรวม 4 ปีชงปีมะเส็ง มีนักษัตร์ไหนบ้าง พร้อมสถานที่ วิธีแก้ชง 256813 ครีมลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี เพื่อใบหน้าอ่อนเยาว์ผิวเฟิร์มกระชับ10 เซรั่มลดจุดด่างดำ ปี 2024 ลดเลือนฝ้า กระ พร้อมลดรอยดำจากสิวแบบเร่งด่วน!ดูดวงความรัก การงาน การเรียน การเงิน ระหว่าง 17 - 23 พ.ย. 67 (ทุกราศี) แต่งหน้ายังไงให้ติดทน? แจก 8 วิธีแต่งหน้าติดทน ไม่เป็นคราบ ฉบับโมเมพาเพลินกิจกรรม :: ชวนทดลองใช้ MELAMII ANTI-MELASMA Perfect White Serum And Spot Corrector จบลูปฝ้าซ้ำซาก จำนวน 100 รางวัล
COMMENTS