มนุษย์เราพยายามอย่างเหลือเกินมาหลายศตวรรษแล้วที่จะค้นหาหนทาง
สู่ความเป็นหนุ่ม เป็นสาว ให้ยืนยาว เอาชนะความแก่เฒ่าให้นานที่สุด
อย่างที่เรารู้กันจากสารพัดสูตรอาหารพิสดารโบราณที่อวดอ้างสรรพคุณกินแล้วไม่แก่
แต่จะจริงแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามาถึงวันนี้ เรามีสถาบันที่เปิดสอนสาขาเวชศาสตร์ชะลอวัยอยู่หลายแห่งแล้วนะคะ
สำหรับบทความนี้ก็อ้างอิงจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ด้านนี้มาบอกให้หนุ่ม-สาว Cosmenet
ได้นำไปปฏิบัติเพื่อให้ชะลอความแก่ไปพร้อมๆกัน
"ทำยังไงให้แก่ช้า"
- ตื่นนอนแล้วรีบดื่มน้ำเปล่า : อุณหภูมิห้อง 1 แก้ว (250 ซีซี) ทุกวัน เพื่อช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ขับถ่ายได้ปกติ และในแต่ละวันควรมีวินัยดื่มน้ำให้ได้ อย่างน้อย 2 ลิตร/วัน แต่หากมีปัญหาเกี่ยวกับไต ควรจำกัดน้ำตามคำแนะนำของแพทย์
- ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาในตอนเช้า : จึงควรบริโภคผัก ผลไม้ที่มีเส้นใย จะได้ไม่ท้องผูก ไม่เกิดการสะสมตกค้างของเสียลำไส้เป็นเวลานาน
- ชั่งน้ำหนักทุกเช้า : ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามองค์การอนามัยโลก โดยBMIไม่ควรเกิน 23 kg/m2
สูตร BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร2 )
ถ้าพุงใหญ่คือมีไขมันมาสะสมในช่องท้อง ต้องลดพุง
ผู้ชายมีเส้นรอบเอวไม่เกิน 102 ซ.ม. และ ผู้หญิงไม่เกิน 88 ซม.
- ออกกำลังกายเป็นประจำ : และฝึกการหายใจ อย่างน้อย 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที โดยใน 1 สัปดาห์ จะต้อง มีทั้งออกกำลังกายแบบแอโรบิก สลับกับออกกำลังกายแบบ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น และ ฝึกกล้ามเนื้อ คือ ยกน้ำหนัก เพราะการออกกำลังกายที่มีการใช้กล้ามเนื้อเป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป ได้รับการศึกษาวิจัยพบว่าจะกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนต้านความชรา (Human Growth Hormone) ได้ดีที่สุด
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา : และให้ความสำคัญกับมื้อเช้าให้ครบทุกหมู่ เพราะการไม่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้ร่างกายนำเอาอาหารที่สะสมไว้ที่ตับและไขมันออกมาใช้ ซึ่งจะทำให้เกิดกรด "แล็คติค" ที่จะไปทำลายให้เกิดความเสื่อมที่อวัยวะต่าง ๆ และควรหันมาบริโภค ข้าวไม่ขัดสี ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท และธัญพืชต่าง ๆ เลี่ยงของหวาน หลีกเลี่ยงอาหารผัดหรือทอดที่ใช้น้ำมันมาก ๆ หยุดบริโภคไขมันทรานส์ คือไขมันแปรรูป เช่น มาการีน ครีมเทียม และควรรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป บริโภคผักผลไม้หลากสี
- พยายามเลิกสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ : หลีกเลี่ยงแดดจัดนาน ๆ เพราะร่างกายจะเสื่อมโทรมได้เร็ว จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
- อย่านั่งทำงานติดต่อกันหลาย ๆ ชม. :จะต้องลุกขึ้นยืดกล้ามเนื้อทุก ๆ 1-2 ชม.
- อย่ารับประทานมื้อเย็นหลัง 19.00 น. : และควรรับประทานแต่พอดี ป้องกันภาวะกรดไหลย้อน และทำให้อ้วนลงพุงง่าย กินเสร็จควรลุกขึ้นเดินย่อยสัก 15 นาที จะช่วยให้กระเพาะอาหาร และลำไส้ทำงานได้ดี เน้น โปรตีน พืชผักผลไม้สด
- เข้านอนไม่เกิน 22.00 น. : เพราะประมาณเที่ยงคืน เป็นเวลาที่ร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนเพื่อป้องกันความชรา การนอนหลับสนิทก่อนเที่ยงคืนจึงทำให้เกิดความสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ โดยเฉพาะ "โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)" ซึ่งเป็นฮอร์โมน ต่อต้านความชราตัวสำคัญ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายตอนที่เราที่หลับสนิท การนอนหลังเที่ยงคืนจะลดประสิทธิภาพการทำงานของฮอร์โมนเหล่านี้
- ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดขณะหลับ : เพื่อไม่ให้คลื่นต่าง ๆ มารบกวนการทำงานของคลื่นสมอง นอกจากนี้ก็ไม่ควรเปิดไฟนอน หรือปล่อยให้แสงลอดเข้ามาในห้องนอน เพราะจะทำให้การผลิตฮอร์โมนต่อต้านความชราลดลง และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับและยาคลายเครียด เพราะยากลุ่มนี้จะไปกดการผลิตฮอร์โมนที่จะต่อต้านความชราให้น้อยลง
- พยายามลดความเครียด : เพราะเป็นการเพิ่มการสร้างอนุมูลอิสระที่จะไปทำลายเซลให้เสื่อมก่อนวัย
- อย่าปล่อยให้ร่างกายเกิดการอักเสบ : หรือติดเชื้อเรื้อรัง รวมถึงเป็นหวัดบ่อย ๆ มีอาการภูมิแพ้ ท้องเสีย หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย ๆ ควรบริโภคผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
- ฝึกคิดและมองชีวิตในแง่บวก : จะช่วยให้มีความสุข และต่อต้านความชรา
- พบแพทย์ทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นประจำทุกปี : เพื่อตรวจเช็กฮอร์โมนต่าง ๆ ที่มีผลต่อความชรา
บางข้ออาจยากไปสักนิดสำหรับบางคน แต่ทั้งหมดคือการปฏิบัติตนเพื่อสุขภาพ และการชะลอวัย
ที่หากสูญเสียไปแล้ว อาจจะยากยิ่งกว่าที่จะนำกลับมาให้ร่างกายของเรา ว่าไหมล่ะคะ?
Cr : tumblr.com, care2.com, dailymail.co.uk, health.msn.co.nz
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th