" ปลาทูไทย มีดีไม่แพ้ แซลมอน "
ขณะที่เรา ๆ นั้นเอะอะอะไรก็ปลาแซลมอน กันไปหมด จนลืม ปลาทูไทย ที่โด่งดังอยู่ในอ่าวไทย อร่อยที่สุด โดยเฉพาะหน้างอคอหักแถวแม่กลอง ราคาก็ถูกกว่าแซลมอนหลายบาท โอเมก้า 3 ก็เยอะมาก โดยเนื้อปลาทู 100 กรัม จะให้โอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งเพียงพอที่ร่างกายต้องการ
เราเอาปลาทูราคาถูกมากคุณค่านี้มาทำปลาทูนึ่งทอดกินกับน้ำพริก ต้มยำปลาทู เมี่ยงปลาทู ปลาทูทอดขมิ้น ฉู่ฉี่ปลาทู เยอะแยะได้อีกหลายเมนู แล้วยังมากมายด้วยคุณค่าอีกด้วย เพียงแต่บางเมนูจะทำลายโอเมก้า 3 ไปมากด้วยความร้อนสูง เราจึงต้องเลือกกันหน่อยว่าจะนำปลาทูมาทำอะไรกินกันดีเพื่อให้ได้โอเมก้า 3 กันเต็ม ๆ
เมนูไม่ทำลายโอเมก้า 3
การทอดปลาทูในน้ำมันจะทำให้โอเมก้า 3 ถูกทำลาย ละลายหายไปอยู่ในน้ำมัน
ดังนั้นจึงอาจทอดปลาทูด้วยไฟกลางในน้ำมันแบบแค่พอเปื้อนกะทะเพื่อให้น้ำมันร้อน ๆ
ทำให้หนังปลาทูพองเหลืองน่ากิน
- ต้มยำปลาทูสด : เป็นเมนูที่นอกจากจะได้คุณค่าของปลาทูแล้ว ยังได้ซดน้ำที่อุดมไปด้วยคุณค่าจากสมุนไพร เช่นตะไคร้ ข่า หอมแดง ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว และพริกขี้หนู แบบนี้คุณค่าเต็มเปี่ยมไม่ไปไหนแน่
- เมี่ยงปลาทู : เป็นเมนูโอเมก้า สมุนไพร ที่อร่อยเต็มคำ เต็มคุณค่า
- ยำปลาทู-ขนมจีน : เป็นเมนูแนะนำ ที่อิ่มแบบไม่ต้องมีข้าวสวย แล้วโอเมก้า 3 ยังไม่ถูกทำลายด้วยความร้อนสูงอีกด้วย เพราะเราจะใช้ปลาทูนึ่ง มาแกะเนื้อยำกับสารพัดสมุนไพรอย่างตะไคร้ ผักชีฝรั่ง หอมแดง บีบมะนาว น้ำปลา แล้วคลุกเข้ากับขนมจีน เติมน้ำปลาและมะนาว พริกขี้หนูซอยเพิ่มให้ได้รสยิ่งขึ้น
คุณค่าในปลาทู
- วิตามินดี : ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส เพื่อไปซ่อมแซมกระดูกและฟัน รักษาระบบประสาท การทำงานของหัวใจ
- ไอโอดีน : ส่วนประกอบสำคัญของฮอร์โมน ทำควบคุมการทำงานของร่างกายให้เจริญเติบโตอย่างปกติ
- กรดอะมิโนโปรตีน : ที่จำเป็นต่อร่างกายสูงกว่าปลาชนิดอื่น โดยเฉพาะ”ไลซีน” ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น และข้อ ส่วน “ทรีโอนิน” ซึ่งจำเป็นต่อความเจริญเติบโตในวัยเด็ก
- โอเมก้า 3 : พระเอกของเรื่องตามเคย เพราะประโยชน์จาก โอเมก้า 3 ต่อร่างกายนั้นมากมาย เช่นช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจาก ช่วยป้องกันการเกิดก้อนไขมันในสมอง ช่วยลดภาวะการอักเสบของร่างกาย ช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ เพิ่มสมาธิ ความจำ และปรับสมดุลอารมณ์
ข้อควรระวัง
" หญิงมีครรภ์ไม่ควรรับประทานปลาทู รวมถึงปลาและสัตว์น้ำประเภทอื่นมากจนเกินไป
เพราะเป็นอันตรายต่อพัฒนาการสมองของเด็กในครรภ์ โดยสาร เมธิลเมอคิวรี่
ซึ่งเกิดจากน้ำเสียที่ถูกปล่อยจากโรงงานอาจปนเปื้อนในตัวปลา "
ใกล้จะเข้าสู่หน้าหนาวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว หลาย ๆ คนคงจะทราบกันดีว่า ปลาทูอร่อยต้องเป็นปลาทูในช่วงเดือน 8-11 โดยเฉพาะปลาทูแม่กลอง เพราะเป็นช่วงน้ำหลาก ทำให้ระบบนิเวศน์สามน้ำนำความสมบูรณ์มาเป็นอาหารของปลา จึงทำให้ปลาทูที่จับได้ในช่วงเดือนนี้มีเนื้ออร่อยที่สุด แต่ถึงยังไง เราก็ยังควรกินปลาทูกันตลอดทั้งปีด้วยนะคะ ไม่จำเป็นต้องรอกินเฉพาะช่วงอร่อยเท่านั้น เพื่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพสมองด้วยค่ะ
Cr : mythaimenu.com, ladysquare.com, youtube.com, thai.tourismthailand.org, eugenegoesthailand.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th