เสน่ห์ของอาหารไทย คือ ความจัดจ้าน ครบรส อุดมไปด้วยสมุนไพรจากสวนครัวแบบนับไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ค่อยได้สำหรับคนไทยเราคือ "พริก" ซึ่งขอให้มีสักนิดก็พอประมาณ ขอน้ำปลาพริกด้วยนะคะ!!
พริก มีอยู่หลายสายพันธุ์ และที่คุ้นเคยกันที่สุดคือ พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกหยวก และ พริกหวาน ขณะที่พริกถูกนำมาใช้ทำอาหารก็เพราะรสเผ็ด ที่เกิดจาก สารแคปไซซิน (Capsaicin) ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทนทั้งความร้อนและความเย็นได้ดี จึงทำให้ความเผ็ดไม่เคยหายไปในการปรุงอาหารหรือแช่ตู้เย็น โดยเจ้าความเผ็ดหรือ แคปไซซิน นั้น จะอยู่ภายในเยื่อแกลนกลางของเม็ดพริก ส่วนเมล็ดของมันนั้นไม่ใช่ส่วนที่เผ็ดที่สุดอย่างที่เราเข้าใจ....นอกจากนี้พริกยังมีทีเด็ดเพราะความเผ็ดนี่แหละ อ่านให้จบก่อนแล้วค่อยเชื่อ!
กินเผ็ดดียังไง? เจ้าตัวความเผ็ดที่ชื่อ "แคปไซซิน" นั้น มีประโยชน์เกินกว่าที่พวกเราคาดคิดจริงๆ เพราะ....
- บรรเทาอาการจากไข้หวัด ทำให้หายใจสะดวก
แคปไซซินจะไปช่วยลดน้ำมูก หรือสิ่งกีดขวางระบบการหายใจ จากหวัด ไซนัสและอาการภูมิแพ้ต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาหารไอด้วย
- ช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือด
การกินพริกเป็นประจำจะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากโรคหัวใจล้มเหลว โรคที่เกี่ยวกับการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยการไหลเวียนของโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันได้ด้วย เพราะเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด จึงปรับเข้ากับแรงดันระดับต่างๆ ได้ดี
- ลดคอเลสเตอรอล
แคปไซซินจะช่วยป้องกันไม่ให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-low density lipoprotein) แต่ในขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมให้มีการสร้าง โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-high density lipoprotein)ขึ้น นั่นเป็นผลให้ปริมาณ ของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดต่ำลงนั่นเอง
- ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
เพราะพริกมีวิตามินซีสูง จะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ และวิตามินซียังไปยับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหารด้วย วิตามินซี จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ส่วนประกอบของกระดูกอ่อน ผิวหนัง กล้ามเนื้อและปอด ซึ่งคอลลาเจนคือโปรตีนที่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์ร้ายได้นั่นเอง และเพราะวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) จึงทำการหยุดยั้งบทบาทของอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่จะก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์นั่นเอง นอกจากนี้ เบต้าแคโรทีนในพริก จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็งในปอดและในช่องปาก สารเบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติช่วยลดอัตราการกลายพันธุ์ของเซลล์และทำลายเซลล์มะเร็ง
- ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
คนโบราณ จะใช้พริกลดอาการเจ็บปวด เช่นลดอาการปวดฟัน บรรเทาอาการเจ็บคอ รวมถึงผิวหนังอักเสบ ซึ่งปัจจุบันนี้มีการใช้สารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งที่ใช้ทาบรรเทาอาการปวดจากผดผื่นคัน อาการผื่นแดงของผิวหนัง รวมถึงอาการปวดจากเส้นเอ็น อาการปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด โรคเกาต์หรือโรคข้อต่ออักเสบด้วย
- พริกทำให้มีความสุข!
สารแคปไซซินจะส่งสัญญาณให้ต่อมใต้สมอง สร้างสารเอนดอร์ฟิน (endorphin) ที่ออกฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีนนั่นเอง คือบรรเทาอาการเจ็บปวด ทำให้อารมณ์ดีมีความสุข
- สกัดทำเป็นเครื่องป้องกันตัวประมาณ
เคยมีสเปรย์ป้องกันตัวที่มีพริกเป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยสเปรย์ดังกล่าวจะไม่ทำอันตรายถึงชีวิต เมื่อฉีดเข้าตาโดยตรงอาจจะทำให้มองไม่เห็นอยู่ประมาณ 2-3นาที และหลังจากนั้นกว่าความเผ็ดของพริกจะจางหายไปก็นานมาก
สงสัยแบบนี้ต้องเพิ่มพริกในส้มตำแต่ละครกอีกสัก เม็ดแล้วล่ะมั้ง เพราะประโยชน์เลอค่าซะขนาดนี้ หันมากินเผ็ดในปริมาณที่ไม่ทำร้ายกระเพาะกันดีกว่า...
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : pinterest.com, นิตยสาร หมอชาวบ้าน
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th