โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนรอบตัวพวกเราบ่อยที่สุด ใครเคยสังเกตุกันบ้างว่ามันคือ "มะเร็ง" นี่แหละ แม้แต่คนแก่วัยเก้าสิบกว่า ที่ไม่ได้มีอาการหนักหนาสาหัสใดๆก่อนตาย แพทย์ยังพบว่า เป็นมะเร็งส่วนใดส่วนหนึ่ง และนั่นทำให้สมุนไพรสารพัดที่อ้างตัวว่ารักษามะเร็งได้ มีข้อมูลอ้างอิงการรักษาหายจากบางคน รวมถึงการรักษาทางเลือกที่โด่งดังจากบางสำนักที่รักษาได้จริง แต่มีคำถามหนึ่งที่หลายคนต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่า "ทำไมถึงรักษาไม่หายทุกคน และหายเป็นส่วนน้อย"
คนป่วยหนักล้วนต้องการความหวัง และความหวังนี่แหละที่ทำให้ร่างกายประคับประคองให้ยืดอายุไปอีกจากที่แพทย์บอกว่า อยู่ไม่ได้นานขนาดนี้ ยิ่งเมื่ออยู่ได้นานกว่าที่หมอบอก ยิ่งทำให้เกิดความหวัง เกิดพลังและอยู่มาได้นาน หลายคนอยู่มาได้อีกหลายปีก่อนจะเสียชีวิต เมื่อมะเร็งลุกลามและจิตตก หมดหวัง
ดังนั้น การดูแลตัวเองเพื่อต้านโรคมะเร็งที่พร้อมเกิดขึ้นได้เสมอกับแทบทุกชีวิต จึงไม่ใช่การรักษาในทางใดทางหนึ่ง หรือสมุนไพรวิเศษชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เป็นการดูแลตัวเองในทุกๆ ด้าน การกิน การใช้ชีวิต รวมถึงฝึกฝนตัวเองให้จิตไม่ตกหมดหวัง จากตัวอย่างของผู้ที่รอดชีวิตจากมะเร็งส่วนใหญ่ จะไม่ได้รอดเพียงเพราะการรักษาด้วยสมุนไพรหรือยาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องครบตามนี้คือ
วิธีที่ 1. หันมารับประทานอาหารชีวจิต และมังสวิรัติ งดเนื้อสัตว์ที่ไปเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
หากใครที่มีความเสี่ยงจะเกิดมะเร็ง เพราะมีอาการเจ็บป่วยบางอย่างเรื้อรังยาวนานมาหลายปี หรือความเสี่ยงอื่นๆ จึงควรหันมาค่อยๆเลิกรับประทานเนื้อสัตว์ หรือเริ่มที่หันมารับประทานเนื้อปลาแทนเนื้อสัตว์อื่นๆ ศึกษาโปรตีนที่ทดแทนเนื้อสัตว์ได้ รับประทานเห็ด ถั่ว ธัญพืช ข้าวกล้อง พืชผักหลากหลายประเภทหลายสีสัน และเลือกอาหารที่ปรุงแต่งรสชาติให้น้อยที่สุด เมื่อลิ้นเริ่มชิน คุณก็จะสบาย อร่อยได้กับอาหารแบบชีวจิต
วิธีที่ 2. เปลี่ยนวิถีชีวิตนั่งโต๊ะ ไปทำงาน กลับบ้าน และนอนดูทีวี ดื่มกินในวันหยุด เป็นการหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพราะวิถีชีวิตแบบเหนื่อยหน่าย ขี้เกียจทำอะไร จะได้มามากกว่าโรคมะเร็ง และแน่นอนว่ามะเร็งก็พร้อมจะเกิดในคนที่ดูแลตัวเองน้อย กินอาหารขยะนอกบ้าน ดื่มหนัก และดมกลิ่นควันบุหรี่ในสถานบันเทิงอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างคือการออกกำลังกายทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดฟินออกมา ช่วยลดความเครียด ตัวการเพิ่มจำนวนเซลล์มะเร็งนั่นเอง
วิธีที่ 3. นั่งสมาธิช่วยได้จริง
การนั่งสมาธิจะช่วยให้สมองหลั่งสารเอ็นโดฟิน ช่วยลดความเจ็บปวด ยืดอายุ ลดความเครียด ช่วยทำให้มีความสุข เป็นสารที่มีพลังมากตัวหนึ่ง โดยจะมี 3 ตัว คือ เบต้า อัลฟ่า และ แกมม่า นอกจากนี้การรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อนแรงอย่างพริกไทยยังช่วยให้สมองหลั่งสารเอ็นโดฟินได้ด้วย แต่ยังไงก็ตาม การฝึกสมาธิได้มากกว่านั้น เพราะการทำสมาธิทำให้จิตเรานิ่ง สงบ และหลังจากนั่งสมาธิเป็นประจำ เราจะไม่ร้อนรน หงุดหงิด เบื่อหน่าย รู้เท่าทันตนเอง มองโลกอย่างมีสติ เมื่อไม่หงุดหงิดไม่เครียดง่าย ก็ไปช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง อีกยังมีความลี้ลับอื่นๆที่เรายังคงศึกษากันอยู่ว่า การทำสมาธิบำบัดโรคและยังยั้งมะเร็งอย่างได้ผลนั้น เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง
วิธีที่ 4. มองโลกบวก
มีแนวทางการศึกษาโดย อ.เกียรติวรรณ อมาตยกุล เจ้าของโรงเรียนอมาตยกุลอันโด่งดังในการศึกษาทางเลือกที่ได้ผล โดยตัวอาจารย์เองก็เคยหายจากโรคมะเร็งมาแล้ว และหนึ่งในวิธีที่ใช้ร่วมไปกับการรักษาคือ การคิดและพูดให้เป็นบวก เพราะความคิดกับคำพูดนั้นเชื่อมโยงกัน สิ่งนี้อาจมาจากการนั่งสมาธิร่วมด้วย คือต้องมีสติรู้ตัวเสมอว่ากำลังคิดและพูดอะไร การมองโลกบวกต้องฝึกฝน และจะเกิดพลังต่อจิตและอาการเจ็บป่วยด้วย