สวัสดีค่าเพื่อน ๆ มาย cosme*net นะคะ วันนี้จะมารีวิว รองพื้นคุชชั่น ตัวใหม่ที่น่าสนใจให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันค่ะ ถ้าพูดถึงคุชชั่นทุกวันนี้ก็มีออกมาเยอะแยะเต็มไปหมดแต่ส่วนใหญ่ก็จะให้ลุคฉ่ำวาว แวววาว แบบสาวเกาหลี แต่! สภาพแวดล้อมแบบบ้านเราแล้วไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไร จากที่หน้าจะเกาหลีก็กลายเป็นหน้าเมือกกันเลยทีเดียว..
วันนี้ มาย ขอมาแนะนำและมารีวิว คุชชั่น จากแบรนด์
SEINE HILL แบรนด์น้องใหม่แต่คุณภาพไม่น้องนะจ๊ะ ไม่รอช้าไปดูกันเลยดีกว่า
♥
SEINE HILL BRIGHTENING UV CC CUSHION SPF50 PA มีออกมาด้วยกัน 3 เฉดสี นั้นก็คือ
♥ C1 Extra Bright : สำหรับผิวขาวอมชมพู
♥ C2 Natural Bright : สำหรับผิวขาวเหลือง
♥ C3 Honey Bright : สำหรับผิวสองสี
▼ สำหรับสาวผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสองสีแบบมายจัดไปที่เบอร์เข้มสุดเลยค่ะ กับ C3 Honey Bright (มายสีผิวอยู่ที่ประมาณ NC35)
▼ ในส่วนของเนื้อคุชชั่นนั้นจะเห็นได้เลยว่าให้ลุคที่กึ่งแมตต์ ไม่ฉ่ำวาวมากเกินไป อารมณ์แบบผิวดูโกลว์
▼ มาดูเรื่องการเช็ดล้างกันบ้างดีกว่า อันนี้มายใช้เป็น cleansing water ในการเช็ดนะคะ จะสังเกตได้ว่าแค่ cleansing water ก็สามารถเช็ดออกได้ค่อยข้างหมดเพียงแค่ปาดเดียว
▼ ทดสอบเรื่องประสิทธิภาพของคุชชั่นกันสักหน่อยดีกว่าในเรื่องการปกปิด โดยมายจะใช้อายไลเนอร์ขีดแล้วลงคุชชั่นทับดูนะคะ
(รูปแรกไม่ได้ลงคุชชั่น / ลงคุชชั่น 1 รอบ / ลงคุชชั่น 2 รอบ)
คราวนี้มายจะลงบนหน้าให้ดูนะคะ ในบริเวณแก้มมายจะมีรอยสิวอยู่ และก็บริเวณช่วงจมูกจะแอบมีสิวเสี้ยนอยู่บ้าง เดี๋ยวดูกันว่าตัวเดียวจะจบแบบไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์หรือเปล่า (?)
ทริควิธีการลงคุชชั่นนะคะ มายแนะนำว่าให้ค่อย ๆ กดเนื้อคุชชั่นลงบนผิวดีกว่าการปาด ๆ เพราะนอกจากจะทำให้ได้ความเนียนที่เป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้เนื้อของรองพื้นติดบนผิวได้ดีขึ้นอีกด้วย
▼ ด้านซ้ายจะเป็นด้านที่ลงคุชชั่นของ Seine Hill - ด้านขวาเป็นหน้าเปลือยเปล่าของมายเอง >.<
(ไม่มีการลงไพรเมอร์หรือเบสก่อนลงคุชชั่นนะคะ)
▼ มาดูในเรื่องของการปกปิดกันค่ะ อันนี้มายลงคุชชั่นเพียงแค่ชั้นเดียวนะคะ จะเห็นได้ว่าตรงบริเวณจมูกจะปกปิดได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่จะมีก็ในส่วนของรอยสิวใหญ่ ๆ อาจจะต้องลงคุชชั่นทับอีกสักรอบ
อันนี้ After หลังจากลงคุชชั่นทั้งหน้าแล้ว จะเห็นได้ว่าผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น ให้ลุคกึ่งแมตต์ ดูโกลว์ ๆ กำลังดี ♥
▼ งานผิวเสร็จแล้ว แต่งหน้าเบา ๆ ก็ออกจากบ้านได้แล้วค่ะ
สิ่งที่หลาย ๆ คนกังวลเวลาเลือกรองพื้นหรือว่าคุชชั่น มายคิดว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องการการดรอประหว่างวันของสี กับเรื่องของการควบคุมความมันแน่ ๆ คราวนี้เรามาดูประสิทธิภาพของคุชชั่นระหว่างวันกันค่ะ
▼ เรื่องของการดรอประหว่างวัน
▼ ประสิทธิภาพการคุมความมัน
- ปรับสภาพผิว ความกระจ่างใส : (9.5 / 10 คะแนน) ต้องขอบอกก่อนเลยว่ามายไม่ได้ใช้ไพรเมอร์หรือว่าเบสก่อนการแต่งหน้าเลย เพราะฉะนั้นถ้ามองในเรื่องของการช่วยปรับสภาพผิวในดูดีขึ้นมายว่าโอเคเลยนะ คือไม่ต้องหลายขั้นตอนก็สามารถจบงานผิวได้
- การปกปิด : (9 / 10 คะแนน) ถ้าสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีรอยสิวเล็ก มายว่าตัวนี้ปกปิดได้ดีเลยล่ะ เพราะดูจากต้องบริเวณจมูกของมายก็คือปกปิดได้ค่อนข้างดีเลย แต่ในส่วนของสิวถ้าต้องการการปกปิดที่สูงขึ้นอาจจะต้องลงทับเป็น 2-3 ชั้น (ซึ่งคุชชั่นตัวนี้สามารถลงทับหรือแต้มเฉพาะจุดตรงบริเวณสิวก็ได้)
- การดรอปของสี : (9 / 10 คะแนน) จากทั้งวันที่มายไม่ได้เติมคุชชั่นเลย จะสังเกตได้ว่ามีการดรอปนิดหน่อยแต่ไม่มาก ส่วนตัวมายเองเลยมายชอบฟิวเวลาที่สีมันดรอปลงมานิดนึงจะเพราะให้ความรู้สึกที่ธรรมชาติดี แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไม่อยากให้ดรอปก็สามารถเติมระหว่างวันได้เลยค่ะ
- การควบคุมความมัน : (8 / 10 คะแนน) ถ้าเทียบกับคุชชั่นตัวอื่น ๆ ตัวนี้ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่คุมมันได้ดีเลยแหละ เพราะตามปกติทั้งวันแบบนี้มายจะใช้กระดาษซับมันอย่างน้อย 2 แผ่น แต่อันนี้ใช้ไปไม่ถึงแผ่นก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ และอีกอย่างคือมายไม่ได้ตบด้วยแป้งฝุ่นปิดท้ายนะคะ เพราะอยากโชว์ผิวให้ดูโกลว์ ๆ นิด ๆ แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีสภาพผิวผสมหรือว่ามัน ตอนลงคุชชั่นเสร็จแนะนำว่าให้ปัดด้วยแป้งฝุ่นทับอีกรอบน่าจะช่วยเรื่องคุมมันได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ข้อดี : มายว่าสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป คุชชั่นตัวนี้จะตอบโจทย์มากเพราะว่าเป็นคุชชั่นที่ขึ้นกล้องมากกกกกก ในความเนียบเป็นธรรมชาติดีมาก อีกอย่างที่ชอบเลยก็คือ ถึงแม้ว่ามายจะไม่ลงแป้งฝุ่นทับแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหนอะหนะบนผิวเลย
ข้อเสีย : เนื้อจะแอบแห้งเร็วไปนิด เกลี่ยยากนิดหน่อยเวลาตบลงบนผิวหน้า อาจจะด้วยความที่เป็นเนื้อกึ่งแมตต์ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นมายแนะนำว่าค่อย ๆ ใจเย็น ๆ ในการลงนิดนึง แต่รับรองว่าผลที่ออกมาผิวจะสวยเนียนแน่นอนค่ะ
s p o n s o r e d r e v i e w