7 Check List เรื่องของฝ้า! รู้ไว้จะได้ไม่เป็น "ฝ้า"
"ฝ้า" เป็นแล้วหายยากใครก็รู้.. ปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเมื่ออายุเข้าเลข 30 ด้วยแล้ว ฝ้าถามหาง่ายกว่าตอนสาว ๆ อี๊กกกก เพราะอะไร? ฝ้าเกิดได้ยังไง? แล้วมีวิธีรักษาหรือบรรเทาวิธีไหนได้บ้าง วันนี้ *cosmenet จะมาชวนเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับฝ้า พร้อม Check List 7 ข้อ อ่านไว้จะได้ไม่เสี่ยงต่อการเป็น "ฝ้า" เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา จริงมั้ยคะทุกคน?
อย่างที่หลายคนรู้กันว่า ฝ้า หรือ Melasma เกิดจากการที่เม็ดสี (เมลานิน) ใต้ชั้นผิวของเราทำงานผิวปกติ โดยระยะแรกจะปรากฎเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลก่อน และถ้าไม่รักษาหรือหาทาป้องกัน น้องเค้าก็จะเริ่มขยายอาณาเขตตัวเองกลายเป็นวงใหญ่ขึ้น เป็นปื้น ๆ และสีเข้มขึ้น ฝังลึกลงไปในชั้นผิว ซึ่งตรงนี้แหละจะรักษาได้ยากมาก และก็ไม่ใช่ว่าฝ้าจะขึ้นแต่เฉพาะที่หน้าเท่านั้นนะ ตามผิวกายก็สามารถขึ้นได้เช่นกัน
ปัจจัยหลัก ๆ เลยก็คือ แสงแดด เพราะในแสงแดดมีแสงที่ชื่อว่า อัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า UV เป็นตัวกระตุ้นให้เม็ดสีผิวของเราทำงานมากขึ้น สังเกตง่าย ๆ ว่าทำไมออกแดดแล้วผิวถึงคล้ำ ก็นั่นแหละ! และรังสี High Energy Visible Light หรือรังสีที่มาจากแสงไฟ แสงจากมือถือ คอมพิวเตอร์ ก็สามารถกระตุ้นการเกิดฝ้าได้เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้มากเท่ากับแสงยูวีเองก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดฝ้าได้อีก เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ไม่ว่าจะเพราะการตั้งครรภ์ ความเครียด ฮอร์โมนเอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน หรือแม้แต่เครื่องสำอางและยาบางประเภทก็อาจทำให้เกิดฝ้าฝังลึกได้เหมือนกัน!
สำหรับใครที่ยังไม่มีปัญหาเรื่องฝ้าก็นับว่าดีไป แต่ก็อย่านิ่งนอนใจคิดว่าจะไม่เป็นนะ! ควรป้องกันไว้เผื่ออนาคตด้วยจะดีกว่า ส่วนคนที่มีปัญหาเรื่องนี้ไปแล้วก็มาลองทำตาม Check List 7 ข้อข้างล่างที่เราเอามาฝากกันดูค่ะ..
อย่างที่บอกไปว่า "ฝ้า" เกิดจากแสงแดด เพราะฉะนั้นเลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะ โดยเฉพาะช่วง 9:00 - 15:00 น. เป็นช่วงที่ปริมาณความเข้มของรังสียูวีค่อนข้างสูง แต่สำหรับบางคนที่เลี่ยงการออกแดดไม่ได้จริง ๆ เราแนะนำให้ทาครีมกันแดดทุกครั้ง และทาซ้ำ ๆ ทุก 1 ชั่วโมง
ซึ่งจริง ๆ แล้วการทาครีมกันแดด ไม่ใช่เฉพาะแค่คนที่ออกแดดเท่านั้นควรทาครีมกันแดดนะคะ คนที่ไม่ได้ออกไปไหน หรือไม่โดนแดดก็ควรทาด้วยเช่นกัน เพราะแสงที่ทำร้ายผิวอาจมาในรูปแบบของหน้าจอมือถืออะไรแบบนี้ และกันแดดที่ดีควรกันได้ทั้ง UVA และ UVB
- คนไม่ออกแดด : ครีมกันแดดที่มีค่า SPF25 - 35 ก็เพียงพอ
- คนออกแดด : ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 50 ขึ้นไปโล๊ดดดด และก็ดูกิจกรรมที่จะไปทำด้วยนะคะ ถ้าต้องโดนน้ำ มีเหงื่อเยอะ ก็จัดแบบ Waterproof ไปเลย
*ถ้ายังงงว่า SPF เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม? แล้วค่า PA คืออะไร สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับกันแดดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ (คลิกอ่าน : ทริคการเลือกกันแดด)
เพราะการออกกำลังกายเป็นการกำจัดความเครียดได้ดีอีกวิธีนึง แต่!! ในที่นี้ต้องเป็นการออกกำลังกายในร่มนะคะ วิธีนี้อาจจะไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องฝ้าอย่างตรงจุด แต่ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลต่อผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่งจากภายใน
ซึ่งการออกกำลังกายแบบไม่ให้เครียด ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนเลยค่ะ ดูให้เหมาะกับสมรรถภาพของร่างกาย เอาที่ไม่เป็นการฝืนจนเกินไป เมื่อไม่เครียด ไม่ตากแดด ก็ยากที่จะเกิดฝ้า แต่.. ก็ไปดูปัจจัยอื่นด้วยดีกว่า
แน่นอนว่าการเลือกซื้อครีมทาฝ้าเพื่อมารักษา ก็เป็นอีกหนึ่งทางที่หลายคนทำกัน แต่จะให้ดีเราควรเลือกครีมทาฝ้าที่ตอบโจทย์กับปัญหาที่เราเป็น! โดยส่วนผสมในครีมทาฝ้าที่เราควรจะมองหาหลัก ๆ เลยก็จะเป็นพวก..
- Tranexamic Acid (กรดทรานเอกซามิก) ถูกจัดอยู่ในหมวดของ Whitening ที่ช่วยลดการก่อตัวของเม็ดสีผิว ให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ดังนั้นจึงมักจะถูกนำมาใช้ในการรักษาฝ้า ช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้ แต่ทั้งนี้ในกลุ่มคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรทดสอบใต้ท้องแขนก่อนการใช้นะคะ
- Alpha Hydroxy Acids หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า AHA ซึ่งก็เป็นกรดที่ได้จากธรรมชาติ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวได้ดีอีกด้วย ช่วยให้ริ้วรอย จุดด่างดำต่าง ๆ ดูลดเลือนลงได้ จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในการรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ
*แต่ AHA จะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่กับคนที่มีผิวแพ้ง่าย หรือบอบบาง เพราะอาจเกิดการระคายเคือง แห้งลอกได้ เพราะฉะนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง
- Niacinamide (ไนอะซินาไมด์) นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์หลากหลายกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มครีมทาฝ้าเท่านั้น เพราะเป็นส่วนผสมที่ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง แถมยังจะช่วยลดการระคายเคืองของผิวได้ดีอีกด้วย สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น ลดจุดด่างดำที่เกิดจากสิว แสงแดด และยังช่วยให้เรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระได้เช่นกัน
- Alpha Arbutin (อัลฟ่า อาร์บูติน) เป็นสารที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี (เมลานิน) ในชั้นผิว ผลลัพธ์ก็คือผิวจะดูกระจ่างใสขึ้น ริ้วรอย จุดด่างดำดูดีขึ้น ลดความหมองคล้ำให้ผิวที่ออกแดดเป็นเวลานาน ๆ ได้
- Retinoids (เรตินอยด์) ในที่นี้ก็คือตัว Retin-A มีคุณสมบัติในการช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน เป็นกรดในรูปแบบสังเคราะห์ของวิตามินเอ ออกฤทธิ์ช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้อย่างเห็นผล นิยมนำมาผสมอยู่ในครีมทาฝ้า กระ หรือพวกครีมลดริ้วรอย และจุดด่างดำ
*ในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retin-A % เยอะ ๆ ควรอ่านฉลาก และวิธีการใช้อย่างละเอียด และแนะนำให้ทาครีมกันแดดร่วมด้วยทุกครั้งในระยะเวลาที่ใช้
บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่ายาบางตัวที่เรากินเข้าไปก็เป็นสาเหตุของ "ฝ้า" ได้เช่นกัน รวมถึงการได้รับฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิงที่มีอยู่ในยาคุมกำเนิด หรือแม้แต่คุณแม่ที่มีภาวะตั้งครรภ์ก็จะมีฮอร์โมนเพศหญิงเยอะกว่าปกติ
สำหรับใครที่จำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนจริง ๆ แนะนำว่าควรปรึกษาคุณหมอก่อน ถามคุณหมอให้ดีว่ายาตัวไหนที่ไม่ทำให้เกิดฝ้า หรือยาที่คุณหมอจ่ายมีโอกาศทำให้เป็นฝ้าได้หรือไม่ และถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่าเนอะ
5. เป็นไทรอยด์ โอกาสเกิดฝ้าได้ง่าย
คนที่ป่วยเป็นโรคไทรอยด์ จะมีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่ายกว่าคนปกตินะรู้ไหม ทางที่ดีก็หมั่นตรวจสุขภาพบ้างก็ดี เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของฝ้า แต่นั้นหมายถึงสุขภาพของเราในระยะยาวด้วยเช่นกัน ถ้าหากมีอาการของไทรอยด์ก็ต้องรักษา
6. ทำเลเซอร์เยอะก็เสี่ยงเป็นฝ้าได้
แน่นอนว่าการทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ อาจได้ผลจริง แต่นั้นก็หมายถึงความเสี่ยงที่จะเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น นั้นก็เพราะเมื่อเวลาเลเซอร์เสร็จผิวหน้าของเราจะไวต่อแสงแดดมาก ๆ เลยแหละ หากไลฟ์สไตล์ของคุณต้องเจอแดดตลอดเวลาก็ลองชั่งใจกับวิธีนี้ดูนะคะ
และสำหรับคนที่ทำเลเซอร์มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์รักษาฝ้า กระ หรือเลเซอร์ประเภทไหนก็ตามบนใบหน้า แนะนำว่าให้หมั่นทาครีมกันแดดให้เป็นนิสัย และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวในระยะแรก รอจนกว่าผิวหน้าจะกลับมาแข็งแรงขึ้นจะดีกว่า เพื่อเลี่ยงการแพ้เห่อค่ะ
7. ระวังเรื่องสูตรยารักษาฝ้าต่าง ๆ
บางคนก็ไม่ชอบการใช้สารเคมีในการรักษาฝ้า เลยมุ่งไปทางสูตรแบบธรรมชาติจำพวก ผักผลไม้ สมุนไพรต่าง ๆ อะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสูตรการมาสก์หน้า หรือแม้แต่ยากินก็ตาม ควรจะศึกษาให้ดีก่อน ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเป็นสูตรที่ได้รับการวิจัยและรับรองความปลอดภัยแล้วจริง ๆ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นใช้ไปนาน ๆ อาจมีผลข้างเคียงได้ อย่างเช่น ทำให้ผิวไวต่อแดดขึ้น ส่งผลให้เป็นฝ้าง่ายขึ้นกว่าเก่าอีก
"คนจะสวย สวยที่ใจ ใช่เป็นฝ้า" แฮ่!! ก็รู้แหละว่าการเป็นฝ้ามันเครียด แต่ก็อย่าใจร้อนจนไปรักษาแบบผิด ๆ เพราะการรักษาฝ้าจริง ๆ มันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาและความอดทนมากจริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำ ส่วนใครที่ยังไม่เป็นฝ้าและไม่อยากเป็นก็อย่าลืม Check List ทั้ง 7 ข้อที่เราเอามาฝากกันด้วยน้า ด้วยรักและเป็นห่วงทุกคน ♥