สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาว *cosmenet ทุกคน วันนี้เรามีสกินแคร์ตัวเด็ดมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกัน ที่ขอบอกเลยว่าตอนเห็นเค้าเปิดตัวแรก ๆ ตื่นเต้นมากกก เพราะทางเราชอบอะไรที่สามารถ customize เองได้ ให้ความรู้สึกแบบ สิ่งนี้คือเหมาะกับเราโดยเฉพาะนะ >_< ใช่แล้วค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวเจ้า “CLINIQUE iD” นั่นเองงงง
ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเค้าเองก็น่าสนใจมาก ๆ CLINIQUE iD เค้าเห็นถึงการที่สาว ๆ จะมี “ผิวสวยสุขภาพดี” ได้เนี่ยก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่แตกต่างกันไปตามสภาพผิวหน้าและปัญหาผิวของแต่ละคน และอีกข้อสำคัญเลยคือ ถ้าเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของเราตั้งแต่ขั้นตอนแรก จะช่วยให้ผิวแข็งแรง สามารถรับการบำรุงในขั้นตอนต่อ ๆ ไปได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกว่าเป็นการสร้างพื้นฐานของผิวสุขภาพดีนั่นเอง
CLINIQUE ก็เลยตอบโจทย์ตรงนี้ด้วยการ ให้เราสามารถเลือกจับคู่ระหว่างมอยส์เจอไรเซอร์และบูสเตอร์เข้มข้น สามารถเลือกได้ตามสภาพผิวและแก้ไขปัญหาผิวของเราโดยเฉพาะ เพื่อให้สาว ๆ มี “ผิวสวยสุขภาพดี” ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการบำรุงผิว แถมได้ทั้งความชุ่มชื้นและแก้ไขปัญหาผิวของแต่ละคน แบบ 2-in-1 ในขวดเดียวนั่นเองค่ะ โอ้โหฟังดูน่าลองมากกก
ซึ่ง CLINIQUE iD เค้าก็มีให้เลือกถึง 15 สูตร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ต่างกันของสาว ๆ เลย ฟังดูเย้อเยอะไปหมด แต่จริง ๆ แล้วเลือกไม่ยากเลยน้าา ก้าวขาไปที่เคาท์เตอร์คลีนิกข์ แล้วเลือกจับคู่ 2 อย่างนี้ก็พอค่ะ
#FindMyiD STEP 1 :: เลือกเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา
เริ่มที่เลือกเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์ ให้ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราก่อนเลยค่ะ เค้าจะมีให้เลือกอยู่ 3 เนื้อสัมผัสด้วยกัน
- Moisturizing Lotion - เนื้อโลชั่น ตัวนี้ตอนเกลี่ยเนื้อจะมีความข้นนิด ๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เหมาะสำหรับผิวแห้งมาก-ผิวผสมค่อนไปทางแห้ง
- Oil-Free Gel - เนื้อเจล ตัวนี้เนื้อบางเบา เกลี่ยแล้วรู้สึกเบาสบายผิวมาก ๆ เลย เป็นสูตรปราศจากน้ำมัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสมดุลระหว่างน้ำกับน้ำมันในผิว แน่นอนว่าเหมาะสำหรับผิวมัน-ผิวผสมค่อนไปทางมัน
- Hydrating Jelly - เนื้อเจลลี่ใส ตัวนี้เนื้อบางเบามากกก เกลี่ยแล้วซึมหายเข้ากับผิวไปเลย สบายผิวสุดด ให้ความชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง มีจุดเด่นตรงที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะด้วยนะ เหมาะกับทุกสภาพผิว
#FindMyiD STEP 2 :: เลือกเนื้อบูสเตอร์เข้มข้นตามปัญหาผิวของเรา
พอเลือกตัวเบสมอยส์เจอไรเซอร์ได้แล้ว ก็มาเลือกเจ้าบูสเตอร์ที่เป็นแท่งสี ๆ กันต่อเลย แต่ละสีจะช่วยแก้ปัญหาผิวแตกต่างกันไปค่ะ
- สีเขียว (Delicate Skin) - สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ช่วยปรับสมดุลให้ผิวแข็งแรง มอบความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยแดงและอาการระคายเคืองด้วย
- สีฟ้า (Pores & Uneven Texture) - สำหรับผิวที่มีรูขุมขนกว้าง ไม่เรียบเนียน สูตรนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเนียนละเอียดยิ่งขึ้น
- สีขาว (Uneven Skin Tone) - สำหรับสีผิวไม่สม่ำเสมอ ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ
- สีส้ม (Fatigue) - สำหรับผิวเหนื่อยล้า ขาดความเปล่งประกาย ช่วยกระตุ้นผิวที่หมอง ดูเหนื่อย ให้กลับมาดูสดใส ผิวดูโกลว์ เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
- สีม่วง (Lines & Wrinkle) - สำหรับผิวที่มีริ้วรอย และรอยย่น ช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอย และฟื้นฟูผิวแห้งกร้านให้กลับมานุ่มเนียน
ก็เห็นคุณสมบัติของตัวเบสมอยส์เจอไรเซอร์และบูสเตอร์เข้มข้นไปแล้วเนอะ นอกจากคุณสมบัติเรื่องความชุ่มชื้นและการแก้ปัญหาผิวแล้ว เพื่อน ๆ สามารถจับคู่เลือกให้ได้
CLINIQUE iD ตามที่ตัวเองต้องการได้เลย เค้าบอกว่าสามารถใช้สูตรที่ต่างกันในเวลาเช้า-เย็นก็ได้ด้วย เราเลยจัดไป! เลือกมาเป็น 2 ขวดนี้ค่าาา
▲ พอประกอบร่างรวมกันระหว่างมอยส์เจอไรเซอร์กับบูสเตอร์ก็จะได้ขวดสี ๆ หน้าตาแบบนี้เลย แพคเกจหัวปั๊มเค้าออกแบบมาให้ผสมตัวมอยส์เจอไรเซอร์กับบูสเตอร์ในปริมาณที่พอดี๊พอดีต่อการบำรุงด้วยนะ
ในตอนเช้าเราจะจับคู่ มอยส์เจอไรเซอร์
Hydrating Jelly บูสเตอร์ สีส้ม เพราะอยากปลุกให้ผิวง่วง ๆ เหนือย ๆ ดูสดชื่นขึ้นค่ะ ฮาา แถมเค้าบอกว่าใช้ต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวดูโกลว์ สุขภาพดี เทรนด์ผิว Glass Skin กำลังมาอ่ะเนอะ อีกอย่างตัวเจลใสเค้าก็เนื้อเบามาก ช่วยเรื่องปกป้องผิวจากมลภาวะด้วย รวม ๆ แล้วเหมาะกับใช้ในตอนเช้าเลยแหละ
รีวิวความรู้สึกหลังใช้ Clinique iD Hydrating Jelly Fatigue สีส้ม :: เนื้อเจลลี่ใสกิ๊ง ใช้กับบูสเตอร์สีส้มก็แอบไม่ค่อยเห็นสีเท่าไหร่ค่ะ เนื้อเจลลี่ไม่มีกลิ่นเลย ที่ชอบสุด ๆ ก็คือเนื้อสัมผัสบางเบา สบายผิวมากกกก (อยากจะกอ.ไก่ยาว ๆ เลย ฮาา..) เกลี่ยแล้วซึมเข้าผิวไปเลย เหมาะมาก ๆ ที่จะใช้ในตอนเช้าค่ะ สูตรสีส้มจะช่วยบำรุงให้ผิวดูโกลว์ มีชีวิตชีวาขึ้น เท่าที่ลองใช้มารู้สึกว่าได้เติมความชุ่มชื้นให้ผิว แม้จะทำงานในห้องแอร์หนาว ๆ ระหว่างวันก็ไม่รู้สึกว่าผิวแห้งค่ะ จะทาก่อนแต่งหน้าก็ได้ ไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มจนรบกวนเมคอัพด้วย
ส่วนตอนกลางคืนเราจะใช้ มอยส์เจอไรเซอร์ Oil-Free Gel บูสเตอร์ สีฟ้า ในตอนกลางคืนเราอยากเติมความชุ่มชื้นให้เข้มข้นมากกว่าตอนเช้า เลยเลือกเนื้อเจลที่เหมาะกับสภาพผิวมันค่ะ และก็เพราะเรามีปัญหาเรื่องผิวอุดตันง่ายด้วย เจลสูตรที่ไม่มีน้ำมันจะทำให้ผิวชุ่มชื้นแต่ไม่ต้องกลัวอุดตันผิว และเจ้าบูสเตอร์สีฟ้าจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน ทางคลีนิกข์เองก็เคลมว่า ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่มีน้ำหอม, พาราเบนด้วย ใช้ได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวรุนแรงกับผิวเลย
รีวิวความรู้สึกหลังใช้ Clinique iD Oil-Free Gel Pores & Uneven Texture สีฟ้า :: เนื้อเจลสูตรนี้จะมีกลิ่นออกยา ๆ เล็กน้อยค่ะ แต่กลิ่นก็ไม่ได้แรงจนฉุนนะ สำหรับมอยส์เจอไรเซอร์สีเหลืองจะมีความข้นมากขึ้น แต่แค่นิดเดียวนะ ด้วยความที่เป็นสูตร Oil-Free เลยยังให้ความรู้สึกสบายผิวอยู่ แถมไม่ต้องกลัวว่าจะมีออยล์มาอุดตันผิวด้วยเนอะ เหมาะกับคนผิวผสมค่อนไปทางมันแบบเราเลย ให้ความชุ่มชื้นพอสมควร ใช้เวลากลางคืนก็โอเค พอใช้คู่กับบูสเตอร์สีฟ้า ตื่นเช้ามารู้สึกผิวหน้านุ่มเนียนขึ้น เรื่องรูขุมขนน่าจะต้องใช้ระยะเวลามากกว่านี้ค่า
จะเห็นเลยว่า
Clinique iD เป็นสกินแคร์ที่
“เหมาะกับผิวของเรา” อย่างแน่นอน เพราะเราก็เลือกได้ตามความชอบเราเลยอ่ะเนอะ ถ้าจะให้เห็นผลลัพธ์ก็ควรเลือกให้ตรงกับสภาพผิวของตัวเองนะจ๊ะ เพื่อน ๆ ตามหา
#FindMyiD ของตัวเองกันได้ที่เคาท์เตอร์คลีนิกข์ทุกสาขาเลย หากไม่รู้จะใช้สูตรไหนดี ปรึกษาพี่ ๆ บีเอโล้ดดด
ราคาอยู่ที่เซตละ 1,900 บาท ค่าา ดูข้อมูล
Clinique iD เพิ่มเติม หรือ ช้อปออนไลน์ คลิก
www.clinique.co.th/cliniqueid
S P O N S O R E D C O N T E N T
เพื่อน ๆ มี #iDYourself ของตัวเองเป็นสูตรไหนกันบ้าง? มาโชว์ มารีวิวบอกต่อกันได้ที่หน้ารีวิวนี้เล๊ย
▼