“อโลเวล่าเจล” หรือที่อีกชื่อว่าเจลว่านหางจระเข้ ถือว่าเป็นสกินแคร์สามัญประจำบ้าน ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายทั้งช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ปลอบประโลมผิวจากการระคายเคือง ไหม้แดด ช่วยลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว แถมมาในรูปแบบเจลใช้ง่าย เรียกได้ว่าคุ้มเว่อร์ในกระปุกเดียวไปเลย ผู้หญิงใช้ดี ผู้ชายก็ใช้ได้ แถมราคาก็เบา ๆ หาซื้อง่าย อย่างนี้จะไม่มีติดบ้านได้ไงล่ะเนอะ
วันนี้
*cosmenet จะมารีวิวอโลเวล่าเจลที่มีความพิเศษกว่าตัวอื่น! นั่นก็คือ
Malissa Kiss Aloe Vera 99.5% & Hyaluron เค้าเพิ่มส่วนผสม
“ไฮยาลูรอนิค แอซิด” สัมผัสผิวชุ่มชื้น นุ่มเด้ง x2 ไปดูความพิเศษของเค้ากันเลยค่าา
เค้าก็จะเป็นอโลเวล่าเจลแบบกระปุกหน้าตาที่เราคุ้นเคยกันนี่แหละ แต่เป็นครั้งแรกเลยที่หยิบเอา ไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่โดดเด่นเรื่องความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ ช่วยลดเลือนริ้วรอย มาผสานเข้ากับ สารสกัดว่านหางจระเข้ เข้มข้นถึง 99.5% เหมือนกับจับคู่หูฮีโร่ตัวเก่งเรื่องความชุ่มชื้นทั้งสองตัวมาอยู่ด้วยกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวชุ่มชื้น นุ่มเด้งแบบ x2 นั่นเอง แต่ไม่ใช่แค่เรื่องความชุ่มชื้นเท่านั้น ทั้ง 2 ส่วนผสมนี้ยังให้ประโยชน์แก่ผิวด้านอื่น ๆ ด้วย ตามนี้ค่ะ
“เติม” ความชุ่มชื้นด้วย ว่านหางจระเข้
- ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
- ปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด ลดอุณหภูมิผิวให้เย็นลง
- ช่วยลดอาการแสบแดง ระคายเคือง จากการเลเซอร์ กดสิว
- ช่วยลดรอยแดงรอยดำจากสิว
“เก็บ” ความชุ่มชื้นด้วย ไฮยาลูรอนิค แอซิด
- เปรียบเทียบได้กับฟองน้ำของผิว ช่วยโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้คงอยู่กับผิวยาวนาน
- ทำให้ผิวอิ่มฟู ฉ่ำน้ำดูสุขภาพดี หมดปัญหาผิวแห้งกร้าน
- ลดเลือนริ้วรอยจาง ๆ อย่างร่องแก้ม รอบดวงตา
- ช่วยทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ดูใสเด้ง
- อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย และบางเบาเหมาะกับผิวที่เป็นสิวง่าย
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของว่านหางจระเข้และไฮยาลูรอนจะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นแบบเน้น ๆ เลย งานนี้ผิวต้องนุ่มเด้งแล้วจ้าา
อโลเวล่าเจล Malissa Kiss Aloe Vera 99.5% & Hyaluron เค้าก็ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทั้ง ไม่มีแอลกอฮอล์, ไม่มีพาราเบน และไม่มีสีสังเคราะห์ ผิวขี้แพ้ก็ใช้ได้นะ
▲ เนื้อเจลใส ไม่มีสี เจลเค้าให้สัมผัสที่บางเบา เหมาะกับสภาพอากาศของบ้านเรามาก ๆ เพราะไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้ที่บนผิวเลยล่ะ ใช้ได้ทุกสภาพผิวเลยค่ะ ผิวมันก็ใช้ได้สบาย
อโลเวล่าเจลใช้ทำอะไรได้บ้าง?
อีกหนึ่งข้อดีของอโลเวล่าเจลคือความสารพัดประโยชน์ค่ะ ใช้บำรุงได้ตั้งแต่เส้นผมจรดเท้าเลย อโลเวล่าเจลจะทำอะไรได้บ้าง? และใช้ยังไง? ไปดูกันเลยค่ะ
- ใช้บำรุงผิวหน้า ให้ความชุ่มชื้น ช่วยลดรอยดำรอยแดงสิว บำรุงให้ผิวแข็งแรง ใช้ได้ทั้งตอนเช้า-เย็นเลยเพราะเนื้อบางเบา ทาก่อนแต่งหน้าช่วยให้ลงเบสเมคอัพได้ง่าย เมคอัพติดทนขึ้นด้วยนะ
- ใช้บำรุงทั่วผิวกาย ปลอบประโลมผิวแสบ แดง ไหม้หลังออกแดดจัด หรือจะใช้ทาบำรุงให้ความชุ่มชื้นในทุก ๆ วันก็ได้นะ
- พอกทั่วหน้าหลังจากเลเซอร์, กดสิว ช่วยลดการอักเสบได้ค่ะ พอกหนา ๆ ไว้สัก 10-15 นาที หรือจะทาทั่วหน้าหนา ๆ ตอนก่อนนอนเป็น Sleeping Mask ก็ได้ค่ะ ตื่นเช้ามาผิวจะนุ่มเด้งสุด ๆ เลยล่ะ เพราะได้รับการบำรุงจากไฮยาลูรอนิค แอซิดด้วย
- ใช้มาสก์รอบดวงตาลดความบวม ใต้ตาหมองคล้ำ พอกเนื้อเจลที่รอบดวงตา แล้วใช้สำลีแผ่นแปะทับ 10 นาที อ๊ะไหน ๆ ก็มาสก์รอบดวงตาแล้ว มาสก์ที่ริมฝีปากด้วยก็ได้นะ ใช้วิธีเดียวกันเลยค่ะ จะได้ริมฝีปากนุ่ม น่าจุ๊บล่ะ >3<
- หมักผม ผสมอโลเวล่าเจลเล็กน้อยกับทรีทเม้นท์บํารุงผม ช่วยให้เส้นผมนุ่ม ไม่แห้งเสีย
- ใช้เป็น After Shave หลังโกนหนวด ช่วยลดการระคายเคือง อ่ะคุณผู้ชายเห็นอโลเวล่าเจลกระปุกเขียว ๆ ในห้องน้ำ หยิบใช้เลยจ้าา
:: รีวิวความรู้สึกหลังใช้ อโลเวล่าเจล Malissa Kiss Aloe Vera 99.5% & Hyaluron ::
จากที่เราลองทาทั้งบนหน้าและตัวเลย เนื้ออโลเวล่าเจลทาแล้วซึมเข้าสู่ผิวทันที ไม่ทิ้งความหนึบ ๆ ไว้บนผิวค่ะ ดูจากรูปจะเห็นเลยว่าทาแล้วไม่ทิ้งความมันวาวไว้บนผิวมากเท่าไหร่ ดูฉ่ำนิด ๆ ไม่ทำให้เมคอัพเป็นคราบ แถมพอผิวชุ่มชื้นก็จะแต่งหน้าง่ายขึ้นด้วย ส่วนตอนกลางคืนเราจะทาหนา ๆ หน่อยเป็นสลีปปิ้งมาสก์ ตื่นเช้ามารู้สึกผิวนุ่มเด้งขึ้นเลย รู้สึกผิวชุ่มชื้นกว่าอโลเวล่าเจลธรรมดา ฟีลเหมือนเราทาเจลครีมบำรุงอย่างนั้นเลย ส่วนใครที่ไม่ชอบทาโลชั่นทาตัวที่รู้สึกเหนอะ ๆ ผิว ลองใช้เป็นอโลเวล่าเจลดูก็โอเคนะ เพราะเค้าจะซึมเข้าผิวไปเลย ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ แถมเย็น ๆ สบายผิวด้วยค่า
แต่เค้าจะแอบมีกลิ่นฉุนจมูกหน่อย ๆ ซึ่งทางเราลองถามมาแล้วเป็นกลิ่นของไฮยาลูรอนนั่นเอง เค้าไม่ค่อยมีกลิ่นน้ำหอมเลยคงจะทำให้กลบกลิ่นฉุนไม่หมด แต่เราก็คิดว่าน่าจะอ่อนโยนดีนะ เพราะไม่ค่อยมีกลิ่นน้ำหอมนี่ล่ะ
ทางเรามีทดสอบเปรียบเทียบความชุ่มชื้นระหว่าง อโลเวล่าเจลทั่วไปในท้องตลาด กับ อโลเวล่าเจล Malissa Kiss Aloe Vera 99.5% & Hyaluron ที่เลิศกว่าด้วยส่วนผสม ไฮยาลูรอนิค แอซิด ไปดูกันเลยว่าตัวไหนผิวจะนุ่มเด้งกว่ากัน!
▼ เริ่มที่วัดความชุ่มชื้นของแขนแต่ละข้างก่อนทาอโลเวล่าเจล ได้ผลตามนี้ค่ะ
บอกเลยว่าทางเรานั้นผิวแห้งขั้นสุดดด ค่าความชุ่มชื้นวัดมาได้น้อยม้ากกก T T ▼
▼ หลังจากนั้นเราจะทาอโลเวล่าเจลที่แขนทั้ง 2 ข้างค่ะ โดยแขนขวาจะทาอโลเวล่าเจล Malissa Kiss ส่วนแขนข้างซ้ายจะทาอโลเวล่าเจลทั่วไปค่ะ ▼
▼ หลังจากที่เราจะทาอโลเวล่าเจลบนแขนทั้ง 2 ข้างแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาตามนี้ค่าา อโลเวล่าเจล Malissa Kiss ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีเลย เพราะเค้ามีไฮยาลูรอนิค แอซิดช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้กับผิว ผิวเลยชุ่มชื้น นุ่มเด้ง x2 เลยค่ะ ▼
สำหรับ
อโลเวล่าเจลของ Malissa Kiss ทางเราให้เลย
4 / 5 คะแนน ขอหักเรื่องกลิ่นนิดนึงค่าา > < แต่บอกเลยว่าแนะนำให้มีอโลเวล่าเจลติดบ้านไว้นะ อย่างบ้านเรากระปุกเดียวใช้กันทั้งบ้านเลย 55 จะทาหน้าก็ได้ ทาผิวก็ดี ในวันนี้ที่อยู่บ้าน อยากบำรุงสบาย ๆ ไม่เหนอะหนะ อโลเวล่าเจลนี่ตอบโจทย์มาก หรือเวลาที่เพิ่งกลับจากเที่ยวต่างจังหวัด ตากแดดมานาน ๆ ทาอโลเวล่าเจลแล้วจะช่วยปลอบประโลมผิวดีค่า เรียกได้ว่าเป็นไอเทมบำรุงได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าจริง ๆ เด้อออ
ถ้าเพื่อน ๆ อยากสัมผัสผิวชุ่มชื้น นุ่มมมเด้งแบบ x2 ด้วยไฮยาลูรอนิค แอซิด สามารถหาซื้อได้ที่วัตสันทุกสาขาเลยค่า ราคาก็เบา ๆ
[ 290 g. ราคา 269 บาท ] แต่เขามีโปรโมชั่นตลอด ๆ เลยจ้าาา
***ตอนนี้มีโปรโมชั่นที่วัตสัน ชิ้นที่ 2 1 บาท ตกชิ้นละ 135 บาทเอ๊งงง คุ้ม! รีบช้อปภายในวันที่ 25 ก.ย. 2562 ค่าา
S P O N S O R E D C O N T E N T
เพื่อน ๆ สามารถอ่านรายละเอียดของ อโลเวล่าเจล Malissa Kiss เพิ่มเติมได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยค่า
▼