รีวิว 5 รองพื้นผิวโกลว์ บางเบาแต่ปกปิดเนียนกริบ ติดทนตลอดวัน

สกินแคร์

แชร์ 6 วิธีเก็บสกินแคร์ที่ถูกต้อง เพื่อคงประสิทธิภาพให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ

113

15 ต.ค. 2567

เชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนจะต้องเคยเจอกับปัญหาใช้สกินแคร์ตัวไหนก็ไม่เห็นผล นอกจากจะมีสาเหตุมาจากการใช้สกินแคร์ผิดวิธีแล้ว ยังอาจจะเกิดจากวิธีการเก็บสกินแคร์แบบผิด ๆ ที่ทำให้ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเสื่อมสภาพนั่นเองค่ะ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะวันนี้ *Cosment มี 6 วิธีเก็บสกินแคร์ที่ถูกต้องมาบอกต่อกันแล้วค่าา~

วันหมดอายุสกินแคร์แต่ละประเภท

ก่อนจะไปดูวิธีเก็บสกินแคร์ที่ถูกต้อง เราขอพาทุกคนมาแวะเช็กวันหมดอายุสกินแคร์แต่ละประเภทกันก่อน ซึ่งเชื่อว่าสาว ๆ หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าสกินแคร์แต่ละประเภทมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

คลีนเซอร์ : มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี หลังเปิดใช้)
โทนเนอร์ : มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี หลังเปิดใช้)
เซรั่ม : มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 3-12 เดือน หลังเปิดใช้หลังเปิดใช้ ตามชนิดของเซรั่ม)
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ : มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี หลังเปิดใช้)
ครีมกันแดด : มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 6-12 เดือน หลังเปิดใช้)
ครีมรอบดวงตา : มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน หลังเปิดใช้)
ผลิตภัณฑ์รักษาสิว : มีอายุการใช้งาน 1-2 ปี (ควรใช้ให้หมดภายใน 6-12 เดือน หลังเปิดใช้)

แนะนำ 6 วิธีเก็บสกินแคร์ที่ถูกต้อง

1. ปิดฝาบรรจุภัณฑ์ให้สนิท

เริ่มต้นด้วยสิ่งที่สาว ๆ หลายคนทำพลาดมากที่สุด นั่นก็คือการปิดฝาบรรจุภัณฑ์ไม่สนิท หรือบางคนอาจจะเปิดปิดฝาบรรจุภัณฑ์ของสกินแคร์ทิ้งไว้แล้วหันไปทำอย่างก่อน ต้องบอกเลยว่าแค่เวลาไม่กี่นาทีก็อาจจะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนไปด้วยฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็น ซึ่งไม่เพียงแค่ทำให้สกินแคร์เสื่อมสภาพได้ง่ายเท่านั้นนะคะ แต่ยังอาจะเสี่ยงหน้าพังโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจึงควรปิดฝาบรรจุภัณฑ์ให้สนิททุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จ

2. เก็บสกินแคร์ให้พ้นจากแสงแดด

นอกจากจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวแล้ว แสงแดดยังเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้สกินแคร์เสื่อมสภาพด้วย เพราะเมื่อสกินแคร์โดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นและเนื้อผลิตภัณฑ์เกิดการแตกตัวเร็วขึ้น ส่งผลให้ส่วนผสมต่างๆ ในสกินแคร์มีประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยวิธีเก็บสกินแคร์ที่ดีที่สุดคือเก็บให้พ้นจากแสงแดดนั่นเองค่ะ

3. หลีกเลี่ยงการเก็บสกินแคร์ในห้องน้ำ

ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าตอนนี้ใครยังเก็บสกินแคร์ไว้ในห้องน้ำ จะขอตีมือคนละที!! ถึงแม้จะหยิบใช้งานสะดวกก็จริง แต่ภายในห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและมีความชื้นสูง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้สกินแคร์เสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง แถมยังอาจจะตามมาด้วยปัญหาผิวอีกมากมาย

4. เก็บสกินแคร์ไว้ที่อุณหภูมิห้อง

สำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บรักษาสกินแคร์คือ “อุณหภูมิห้อง” โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และควรหลีกเลี่ยงการเก็บสกินแคร์ไว้ในที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่รุนแรงเกินไป เพราะความผันผวนของอุณหภูมิจะส่งผลต่อความเสถียรของสกินแคร์ได้ทั้งในด้านคุณภาพและเนื้อสัมผัส เช่น ผลิตภัณฑ์อาจเกิดการละลาย ระเหย หรือกลายเป็นก้อนแยกชั้นกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและเนย

5. เก็บสกินแคร์ในตู้เย็น

เชื่อว่าหลายคนคงจะอยากรู้ว่าความจริงแล้วเราสามารถเก็บสกินแคร์ในตู้เย็นได้มั้ย? ขอตอบตรงนี้เลยค่ะว่า ได้ แต่!! ไม่ค่อยแนะนำ จริงอยู่ที่ความเย็นจะช่วยรักษาคุณภาพและช่วยยืดอายุของสกินแคร์ได้ แต่ควรจะแช่ไว้ในตู้เย็นที่ออกแบบมาเพื่อสกินแคร์โดยเฉพาะ เนื่องจากมีอุณหภูมิที่สเถียรกว่าตู้เย็นทั่วไป และสาว ๆ จะต้องเลือกประเภทสกินแคร์ที่จะเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นอย่างเหมาะสม เช่น เซรั่ม มาส์ก อายครีม รวมถึงสกินแคร์ที่มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจะต้องเก็บรักษาไว้ในที่เย็น เป็นต้น

6. วิธีเก็บรักษาสกินแคร์ที่ยังไม่เปิดใช้

ในกรณีที่ซื้อสกินแคร์มาแล้วยังไม่ได้เปิดใช้งาน แนะนำให้เก็บผลิตภัณฑ์ไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นจากแสงแดด เพื่อป้องกันและรักษาประสิทธิภาพของสกินแคร์ให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ และจะต้องไม่ลืมหมั่นเช็ควันหมดอายุเป็นประจำ หากใกล้วันหมดอายุแล้วควรรีบเปิดใช้งานทันที

ทั้งหมดนี้เป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีเก็บสกินแคร์ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ และคงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ สาว ๆ คนไหนอยากใช้สกินแคร์ให้เห็นผลก็สามารถนำวิธีเหล่านี้ไม่ลองทำตามกันได้เลยน้าา~

-----------------------

*Cosmenet Smart Beauty รีวิวดีบอกต่อ

ค้นหารีวิวเครื่องสำอาง สกินแคร์ แบบจริงใจได้ที่นี่ www.cosmenet.in.th

-----------------------

อ่านคอนเทนต์การบำรุงผิวอื่น ๆ เพิ่มเติม