คุณรู้จักกับ Anti-aging ดีแค่ไหน? – หลายท่านคงเคยได้ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้น เพื่อความเข้าใจตรงกัน จะขอเริ่มอธิบายหลักการอย่างง่ายๆ กับสิ่งนี้กันก่อนนะคะ ภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย ชื่อก็บอกความหมายไปแล้วบางส่วน นั่นคือ “
ชะลอวัยหรือต้านความชรา” นั่นเองค่ะ แล้ว “
ความชรา” ก็คือการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ร่างกายของมนุษย์มีภาวะโตเต็มที่ หลังจากนั้นร่างกายของเราจะเปลี่ยนแปลงสองทิศทาง คือ 1.เมื่อการเจริญเติบโตหรือภาษาวิชาการเรียกว่า “
Growth And Differentiation” ได้แก่การที่ร่างกายของเราเติบโตพัฒนาไปจนถึงจุดที่สมบูรณ์ที่สุด จากนั้นจะเริ่มคงตัว แต่การคงตัวของร่างกายแต่ละคน จะไม่เหมือนกัน ร่างกายจะมีการ “
สร้าง” และ”
สลาย” หรือภาษาวิชาการเราเรียกว่า
Metabolism และ
Catabolism ซึ่งจุดนี้จะทำให้เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เนื่องจากกระบวนการ “
สร้าง”และ “
สลาย” เหล่านั้น มันจะไม่เท่ากันพอดีเป๊ะๆ ใครดูแลตัวเองเป็นอย่างดีก็จะสลายช้า ส่วนใครใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงก็จะสลายเร็วนั่นเองค่ะ
รับมือกับช่วงที่ร่างกายเริ่มหยุดการพัฒนา – แน่นอนว่าช่วงแรกของมนุษย์ทุกคนต้องเริ่มจากการเติบโต ร่างกายของเราก็จะสร้างมากกว่าสลาย เราถึงได้มีการเจริญเติบโต สูงขึ้น รูปร่างกำยำ กล้ามเนื้อเฟิร์ม แน่นกระชับ พอถึงมาถึงจุดที่ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่สมบรูณ์สูงสุด (Maturation) เราจะเรียกว่า วัยเจริญพันธ์ ร่างกายจะเหมาะแก่การมีทายาทที่สุด หรืออายุตั้งแต่ 20-30 ปี จากนั้น ร่างกายของเราก็จะยังคงมีการเจริญเติบโตไปตามปรกติ ทั้งที่มีทั้งการสร้างและสลาย แต่ทว่าร่างกายเราจะเริ่มเอียงๆ ไปทางเสื่อมสลายมากกว่าสร้าง จะสังเกตุได้ว่า พออายุก้าวเข้าสู่เลขสาม บางคนเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ “
ไม่เหมือนเดิม” เช่น หน้าเริ่มเหี่ยว แก้มเริ่มหย่อนคล้อย, เริ่มมีปัญหาริ้วรอย กระ ฝ้า ใบหน้าหย่อนคล้อย, อ้วนง่าย, ร่างกายไม่เฟิร์มกระชับเหมือนเดิม, ทำอะไรนิดหน่อยก็อ่อนเพลีย, ขี้ลืม, ที่เจ็บปวดที่สุดคือ ลงพุงง่ายมากทั้งๆ ที่กินเท่าเดิม เป็นต้น สารพัดจะปัญหา อันไม่พึงประสงค์ที่มากับวัยของเราเนี่ยแหละค่ะที่เราเรียกกันว่า “
Aging” หรือ “
แก่ตัว” นั่นเอง อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นปุบปับภายในวันเดียวนะคะ มันจะค่อยๆสะสมจนมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เรารู้ตัวมักจะเป็นช่วงที่ความมีอายุเริ่มสะสมจนออกอาการมาระดับนึงแล้ว
เมื่อไม่อยากแก่ ทำอย่างไรดี – การเสื่อมสลายของร่างกายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะต้องเจอนะคะ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราคนต้องเติบโตจากเด็กมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงสมบูรณ์ ดังนั้น การชะลอขั้นตอนหรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ร่างกาของเราเสื่อมช้าลงนี่แหละค่ะ คือ
ศาสตร์แห่งการชะลอวัย หรือ
Anti-aging ซึ่งเหมาะกับทุกคน การเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากวัยนั้น มันจะเปลี่ยนทุกระบบ ศาสตร์แห่งการชะลอวัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการดูแลคนไข้ของตนเอง โดยการวิเคราะห์จำแนกไปตามปัญหาหรือระบบ ลักษณะการทำงานก็เหมือนกับแพทย์ที่รักษาโรคเฉพาะทาง แต่ความพิเศษอยู่ที่แพทย์ผู้ดูแลศาตร์ชะลอวัย จะต้องทำงานก่อนที่อาการต่างๆ เหล่านั้นลุกลามใหญ่โตจนกระทั่งเราเรียกอาการที่เปลี่ยนแปลงเหล่านั้นว่า “
โรคภัยไข้เจ็บ” บางท่านเชี่ยวชาญดูแลการเปลี่ยนแปลงภายนอก เช่น ผิวพรรณ รูปร่าง, บางท่านเชี่ยวชาญดูแลระบบสมองอารมณ์ความจำ, บางท่านเชี่ยวชาญด้านฮอร์โมน แต่โดยรวมของการดูแลด้านชะลอวัย คือแพทย์ต้องเข้าใจปัจจัยทั้งภายใน ภายนอกของคนไข้แต่ละบุคคล ที่อาจจะมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ แล้วดูแลคนไข้ให้มีความเปลี่ยนแปลงที่ช้าลง หรือในบางกรณีอาจจะสามารถย้อนการเปลี่ยนแปลงให้กลับมามีสภาวะที่สมบูรณ์กว่าเดิมได้ด้วยซ้ำค่ะ ถึงประโยคนี้ ที่อ่านมาไม่ได้ตาฝาดนะคะ แปลว่า ในบางกรณีที่เข้ามาให้แพทย์ดูแลพร้อมกับการมีวินัยในการรักษาไม่ได้ส่งผลลัพธ์แค่ช้าลง แต่เรียกว่าเด็กลงกว่าอายุจริงเลยทีเดียวค่ะ