แพทย์ผิวหนังเตือนภัยเงียบรังสียูวีเอในแสงแดดทำร้ายผิวลึกกว่าที่คิด
ก่อเกิดวงจรทำร้ายเซลล์รุนแรงต่อเนื่อง 60 วัน
แนะผู้บริโภคควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี “ออกซิแดนท์ ฟิลเตอร์” เท่านั้น
แสงแดดที่เราต้องเผชิญเมื่อก้าวพ้นประตูบ้านทุกวัน มีอันตรายต่อผิวมากกว่าการก่อให้เกิดความดำคล้ำ แบบที่ผู้หญิงทุกคนหวาดกลัว เนื่องจากสิ่งที่มากับแสงแดดไม่ใช่เพียงแต่ความร้อน แต่ยังมีรังสียูวีเอ และรังสียูวีบี ที่สามารถผ่านมาถึงผิวเราได้หากไม่ป้องกันให้ดี หลายคนอาจมั่นใจในผลิตภัณฑ์กันแดดที่ตนเองเลือกใช้ เพราะเห็นว่ามี SPF ที่สูง และมี PA ซึ่งครีมกันแดดเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องผิวได้เพียงระดับนึงเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าแสงยูวีเอตัวร้ายบางส่วน ก็ยังสามารถเล็ดลอดและซึมผ่านลงสู่ผิวหนังและเข้าทำร้ายเซลล์ผิวต่อเนื่องได้โดยเราไม่รู้สึกตัว เป็นภัยเงียบทำร้ายผิวต่อเนื่อง แม้ว่าจะหลบแดดแล้วก็ตาม แพทย์ผิวหนังแนะควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของ “ออกซิแดนท์ ฟิลเตอร์”
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ผิวหนัง กล่าวว่า โดยปกติครีมกันแดดทั่วๆไปมักจะเน้นในเรื่องของการป้องกันรังสียูวีเอ และยูวีบี ซึ่งจะสามารถป้องกันแสงยูวีบี ได้เกือบ 100% แต่ไม่ว่าเราจะพยายามทาครีมกันแดดหรือป้องกันขนาดไหน แสงยูวีเอก็ยังสามารถเล็ดลอดและซึมผ่านลงสู่ผิวหนังได้ในบางส่วน และไปก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็น chain reaction damage หรือ ปฎิกริยาการทำร้ายเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่องจากเซลล์หนึ่งต่อไปยังอีกเซลล์หนึ่งแม้ว่าเราจะกลับเข้าร่มแล้วก็ตาม โดยจะส่งผลเสียต่อการผลิตเม็ดสีเมลานิน และการทำลายคอลาเจนในผิวยาวนานต่อเนื่องหลังจากโดนแดดได้ถึง 60 วัน จึงเห็นได้ว่า บางคนไปทะเลแล้ว กลับบ้านมา 2-3 วัน ผิวจึงค่อยๆ คล้ำขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการทำร้ายเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระนั่นเอง ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีทั้ง ยูวี ฟิลเตอร์ และ ออกซิแดนท์ ฟิลเตอร์ เพื่อหยุดวงจรการทำร้ายผิวจากอนุมูลอิสระ และลดการทำลายเซลล์ผิว
นายแพทย์รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ เลขาธิการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะว่า “หลายคน ซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีราคาแพง เพราะมั่นใจในคุณภาพ แต่ด้วยราคาที่สูงจึงพยายามใช้อย่างประหยัด เพื่อให้ใช้ได้นานที่สุด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะปริมาณครีมกันแดดที่น้อยเกินไปอาจไม่สามารถช่วยปกป้องผิวของเราจากแสงแดดได้เพียงพอ โดยการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและให้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ควรจะใช้ปริมาณครีมกันแดดไม่น้อยกว่า 2 ข้อปลายนิ้วมือ ต่อการทา 1 ครั้ง และควรทาให้ทั่วใบหน้า และไม่ควรละเลยบริเวณลำคอ ซึ่งก็ควรใช้ครีมกันแดดในปริมาณเท่ากันกับที่ใช้กับใบหน้าเป็นประจำทุกวัน ก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที นอกจากนั้นยังควรเลือกใช้ครีมกันแดด เหมาะสมกับสีผิว และ สภาพผิวของตนเองเป็นหลัก รวมถึงต้องมี อย. รับรองด้วย”
หน้าร้อนนี้ ยูเซอริน (ประเทศไทย) จึงจับมือ บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) เปิดตัวแคมเปญ “Fight UV for Healthy Skin” ภายใต้โครงการ Boots Healthcare Campaign “Feel Good Together” เพื่อรณรงค์ให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพผิวด้วยการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอในแสงแดดอย่างถูกวิธี ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี “ออกซิแดนท์ ฟิลเตอร์” โดยมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับรังสียูวีเอที่ก่อให้เกิดวงจรทำร้ายเซลล์ใต้ชั้นผิว (Chain Reaction) ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดจุดด่างดำและริ้วรอยและแนะนำการดูแลผิวจากรังสียูวีเอที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยทุกยอดการซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดยูเซอรินในร้านบู๊ทส์ 1 ชิ้น จะเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดยูเซอรินอีก 1 ชิ้น เพื่อมอบให้แก่สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยในการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และการทำกิจกรรมเพื่อบริการประชาชนต่างๆอีกด้วย