ในหลวงของเรา มีเรื่องเล่าที่ทำให้คนอ่านอมยิ้มได้เสมอ แม้กระทั่งภาพบางภาพที่ออกมาให้เห็นผ่านสื่อ ก็เรียกได้ว่ากลายมาเป็นภาพน่ารักที่ใครๆ ก็อยากได้มาเก็บไว้ในบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล ไหนจะเรื่องเล่าที่บอกต่อๆ กันมาจากหลายๆ คน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากผู้ติดตามเสด็จเก็บมาเล่า ด้วยทรงมีพระเมตตา และพระอารมณ์ขันสอดแทรกในพระจริยวัตรอันงดงามระหว่างการทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยอยู่ตลอดเวลา
เรื่องที่ 1 : แขนเจ็บไปโดนอะไรมา?
เมื่อในหลวงทรงเสด็จเยี่ยมเยียนชาวบ้านที่จังหวัดสกลนคร ทรงตรัสถามชายคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้า และแขนก็เข้าเฝือกอยู่ ในหลวงทรงรับสั่งถามว่า "แขนเจ็บไปโดนอะไรมา" ชายคนนั้นตอบว่า "ตกสะพานพระเจ้าค่ะ" ในหลวงทรงรับสั่งกลับไปอีกว่า "แล้วแขนอีกข้างหนึ่งละ" ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาอีกว่า "แขนข้างนี้ไม่ได้ตกลงไปด้วย ตกข้างเดียวพระเจ้าค่ะ" แล้วในหลวงของเราก็ทรงพระสรวล (หัวเราะ)
เรื่องที่ 2 : ไม่เคยชิม
ในหลวงของเราทรงเสด็จเยี่ยมเยือนประชาชนชาวนราธิวาส ที่มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรด ทรงเอ่ยถามชาวบ้านที่มารับเสด็จว่า "ดินหลังบ้านเป็นยังไงบ้าง เค็มไหม" ชาวบ้านก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วตอบในหลวงว่า "ไม่เคยชิมสักที" ในหลวงจึงทรงรับสั่งกับพสกนิกรที่ตามเสด็จว่า "ชาวบ้านแถวนี้เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ"
เรื่องที่ 3 : มิกกี้เม้าส์
ในปีที่ทรงพระชนมพรรษา 72 พรรษา ได้มีเจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งยื่นเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อนำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาในรุ่นพิเศษ ซึ่งในหลวงทรงตรัสกับเจ้าหน้าที่ให้ตอบว่า "ไปบอกเขาเถอะว่าเราไม่ใช่มิกกี้เม้าส์"
เรื่องที่ 4 : ขอเดชะ
ครั้งนั้นในหลวงทรงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดาร และแจกพระเครื่องให้แก่ประชาชนจนหมด ก็ได้มีประชาชนคนหนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า "ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์" ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"
เรื่องที่ 5 : ทรงพระคัน...
เคยมีหมอผิวหนังเข้าถวายการรักษาในหลวง แต่ไม่เคยได้ใช้คำราชาศัพท์ ก็พูดผิดๆ ถูกๆ โดยหมอได้ถามพระองค์ว่า "เอ้อ ทรงพระคันมานานหรือยังพะยะค่ะ" ในหลวงทรงพระสรวล แล้วตรัสว่า "ฉันไม่ใช่ผู้หญิง จะท้องได้ยังไง" ในที่สุดก็เลยต้องกราบบังคมทูลซักอาการกันเป็นภาษาอังกฤษแทน
เรื่องที่ 6 : ชื่อเดียวกัน
ในครั้งหนึ่ง เคยมีข้าราชการผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าถวายงาน แต่ตื่นเต้น ประหม่า ก็เลยพูดออกมาว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ" เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูล ในหลวงทรงแย้มสรวล และตรัสอย่างอารมณ์ดีว่า "เออ ดี เราชื่อเดียวกัน" วันนั้นว่ากันว่า กลั้นเสียงหัวเราะกันทั้งศาลาดุสิดาลัยเลยทีเดียว
เรื่องที่ 7 : น้ำพระทัยต่อข้าราชการผู้น้อย
เป็นที่รู้กันดีว่าในหลวงทรงโปรดวิทยุสื่อสาร จึงมักได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จากวิทยุเสมอ ซึ่งพลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์ อดีตอธิบดีกรมโทรเลข ได้เล่าว่า มีพนักงานวิทยุคนหนึ่ง ได้ระบายความเดือดร้อนเวลาอยู่ยามดึกๆ ว่าไม่สามารถหาอาหารมารับประทานได้ ทรงได้ยินก็ทรงสงสาร จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานตู้เย็นสำหรับเก็บอาหารสำรอง สำหรับเวรยามดึก 1 ตู้
เรื่องที่ 8 : เฮ่ย จับให้ดี ๆ
มีช่างไฟ ในวังคนหนึ่งกำลังปีนซ่อมไฟอยู่บนบันได ส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า มีอีกคนคอยจับอยู่ด้านล่าง พอดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จผ่านมา คนที่อยู่ด้านล่างเห็นเข้าก็รีบก้มลงกราบ คนอยู่ด้านบนไม่เห็นก็บอกว่า เฮ้ย จับดี ๆ อย่าให้แกว่ง" ในหลวงก็เลยทรงจับบันไดให้ ช่างไฟก็พูดขึ้นมาโดยไม่ได้ก้มลงมามอง "เออ ดี ๆ เสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริง" และเมื่อทำงานเสร็จ ปีนลงบันไดมา เห็นว่าคนจับบันไดให้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ถึงกับเข่าอ่อน แทบตกบันได รีบลงมาก้มกราบ ในหลวงทรงตรัสว่า "แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้ แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกด้วย"
เรื่องที่ 9 : แอลกอฮอล์เข้มข้น
เมื่อทรงเสด็จหมู่บ้านท้ายดอยจอมทอง อ.พร้าว ผู้ใหญ่บ้านลีซอได้กราบบังคมทูลฯ ชวนให้พระองค์เสด็จบ้านของเขา พระองค์ท่านเสด็จตามเข้าไปในบ้าน ผู้ใหญ่ก็เอาที่นอนมาปูให้ประทับ และรินเหล้าใส่ถ้วยที่ไม่ค่อยจะได้ล้างซึ่งมีคราบสีดำจับ ผู้ติดตามก็รู้สึกเป็นกังวล แต่พระองค์ท่านก็ดื่มทีเดียวเกลี้ยง และมีพระกระแสรับสั่งว่า "ไม่เป็นไร แอลกอฮอล์เข้มข้นเชื้อโรคตายหมด"
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ.2558 นี้ cosme*net อยากให้ทุกคนในผืนแผ่นดินนี้ มีโอกาสได้รับรู้ถึงพระอารมณ์ขันของในหลวง ผู้ทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทยมาตลอด 68 ปี และนอกจากจะทรงไม่ย่อท้อเพื่อบ้านเมืองแล้ว ก็ยังทรงมีพระอารมณ์ขันอยู่เสมอ จึงน่าจะเป็นพระมหากษัตริย์ตัวอย่าง ให้คนธรรมดาอย่างพวกเรารู้จักมีอารมณ์ขันในความเหน็ดเหนื่อยเพื่อ "ตามรอยของพ่อ" กันบ้าง