ไขข้องสงสัย "ซื้อของใน Duty Free ก็โดนภาษีเหรอ?" แล้วต้องปฏิบัติอย่างไรถึงจะไม่โดนปรับ

ข้อปฏิบัติช่วง "ขาออก" นอกประเทศ

1. สำหรับใครที่ไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วหอบหิ้วเอา กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ หรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าติดตัวไปด้วยแล้วนำกลับเมืองไทยมาพร้อมกัน ต้องแจ้งแก่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรก่อน ณ ที่ทำการขาออก เพื่อทำการบันทึกรายการสิ่งที่นำออกไปไว้ โดยต้องแสดงตั๋วโดยสาร Boarding pass หนังสือเดินทาง และของใช้เหล่านั้น จากนั้นก็จะต้องเก็บสำเนาเอาไว้แสดงตอนขาเข้าเมื่อกลับบ้านผ่านช่องแดง
   
   **หมายเหตุ** จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ถ้าทรัพย์สินของคุณผ่านการใช้งานมานานแล้วและไม่ใช่ของใหม่ แต่กรณีนี้กรมศุลกากรยืนยันว่าเพื่อความสะดวกสำหรับคนที่ต้องการนำของมีค่าออกไป ก็ให้แจ้งเพื่อมีหลักฐานเอาไว้ก่อน ขากลับมาจะได้ไม่ยุ่งยากหากโดนตรวจสอบ ก็มีหลักฐานแล้วไง ไม่ได้ซื้อใหม่จากไต้หวันนะคะ ของเราเองพอดีเพิ่งซื้อเพื่อเอาไปเที่ยวนี่แหละ ตอนออกไปรวยยังไง กลับมาก็รวยเท่าเดิม ทั้งนี้กรมศุลฯบอกว่า ไม่ได้บังคับให้แจ้งกันทุกคนนะคะ ใครจะทำเหมือนเดิมก็ได้อยู่
   
   
   
2. ของที่นำออกไปและตรวจสอบในข้อ 1 ต้องเป็นของเก่าใช้แล้ว และจำนวนไม่มากจนผิดปกติ มีเลขหมาย Serial number ที่ตรวจสอบได้ 
   
   
3. Duty Fee ร้านค้าปลอดภาษีในสนามบิน ซื้อในเมืองแล้วเอาออกไปใช้ในประเทศนั้น ๆ ถ้าจะนำกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทยต้องเสียภาษีด้วยนะ อันนี้ก็เหมือนเดิมไง (อ้างอิงที่อธิบดีกรมศุลกากรให้ข่าวหลังมีดราม่าเรื่องนี้) 
   
   
4. นำเงินไทยออกนอกประเทศไม่เกิน 50,000 บาท ยกเว้นประเทศที่เป็นพรมแดนติดกัน นำติดตัวออกไปได้ไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนเงินสกุลอื่นที่แลกออกไปใช้ก็ได้ไม่เกิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 
   
   
5. หากของที่นำออกไปไม่ใช่ของใช้ส่วนตัว แต่ตั้งใจนำออกไปในเชิงการค้า จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรล่วงหน้าก่อนค่ะ เพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากรขาออก ก่อนเดินทาง ทำให้ถูกต้องแล้วจะสบายใจ 

ข้อปฏิบัติช่วง "ขาเข้า" ในประเทศ

• ช่องสีเขียว คือช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (Nothing to Declare) ในกรณีที่ไม่อยากช้อป 
• ช่องสีแดง คือช่องที่มีสิ่งของต้องสำแดง (Goods to Declare) ถ้ามีของต้องเสียภาษี หรือของต้องห้าม หรือหากไม่แน่ใจ เชิญช่องสีแดงเลยค่ะ 

ของติดตัวที่ได้รับการยกเว้นอากร

• ของใช้ส่วนตัวปริมาณพอสมควร มูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท
• ของใช้ส่วนตัวหรือที่ต้องใช้ในวิชาชีพที่ซื้อใน Duty Fee บริเวณสนามบินศุลกากร มูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท 
• ของใช้ในบ้านเรือนที่ซ์้อจาก Duty Fee บริเวณสนามบินศุลกากร กรณีที่ย้ายภูมิลำเนาเข้ามาในราชอาณาจักร มูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท 
• บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน ยาสูบไม่เกิน 250 กรัม และน้ำหนักรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 250 กรัม
• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 1 ลิตร 

"บทลงโทษ" สำหรับคนที่หลีกเลี่ยงของต้องสำแดง ไม่ยอมแสดง

• ถูกดำเนินคดี และ หรือถูกยึดของ เมื่อตรวจพบว่าต้องชำระอากร
• ถูกดำเนินคดี และ หรือถูกยึด เมื่อตรวจพบของต้องห้ามที่ไม่มีใบอนุญาตินำเข้า
• โทษสูงสุดคือปรับ 4 เท่า ของมูลค่าของซึ่งได้รวมค่าอากรไว้ด้วยแล้ว หรือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับทั้งจำ 

     สบายใจได้นะ จะหิ้วเครื่องสำอางเข้ามาสวยก็ทำได้เหมือนเดิมแต่ก็ต้องให้ถูกกฎหมาย แต่ในส่วนของขาออกจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องคนหิ้วของไปขายต่างประเทศแบบเลี่ยงภาษีนั่นเอง แต่ก็เป็นกฎหมายเดิมนั่นแหละค่ะ สำหรับใครที่ตั้งใจหนีภาษีคงต้องทำให้ถูกต้องกันได้แล้ว เพราะการเสียภาษีก็เพื่อนำกลับเข้ามาพัฒนาประเทศของเรานี่แหละ ก็ทุกคนมีหน้าที่เสียภาษีและอยู่ภายใต้กฎหมายใช่ฤาไม่ล่ะเจ้าคะ ออเจ้า

---

เรื่องที่ต้องรู้(เพิ่ม)...

• หากยังไม่เข้าใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ (สกท.) กรมศุลกากร Tel : 0-2667-7527