ทำไมผู้หญิงเราจึงต้องมีอะไรที่เราไม่ชอบ ไม่อยากได้ มาอยู่บนร่างกาย บนใบหน้าของตัวเองด้วยนะ แล้วหากมองย้อนกลับไปในอดีต เราจะพบว่า พวกเธอทั้งหลายช่างใจร้ายกับร่างกายของตัวเอง เพื่อ?
- การใส่ครอเสทรัดเอวกิ่วจนซี่โครงหัก ขณะที่สมัยนี้ก็มีกางเกงในรัดพุงขายดีนั่นอีกด้วย ดีกว่านิดนึงเนอะ
- หรือจะเป็นยุคสมัยที่ผู้หญิงจีนต้องรัดเท้าให้เล็กจนพิการ
- แล้วใครเคยคิดบ้างว่า พวกโปรแกรมลดน้ำหนักทั้งหลายนี่มันช่างโหดร้ายทำลายจิตใจเสียจนร่างกายทนไม่ไหว ต้องเกิดระบบสวิงกลับโดยอัตโนมัติให้อ้วนหนักกว่าเดิม ก็มีเยอะใช่ไหมล่ะ
- ผู้หญิงกี่คนแล้วที่ยอมจมูกเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพราะอยากสวย
- ตายกันมากี่คนแล้วกับยาลดน้ำหนัก
- เจ็บกันมาเท่าไหร่แล้วล่ะกับการที่อยากใส่รองเท้าคู่สวยแล้วมันกัดทั้งวัน!
- เสี่ยงกับใบหน้าพิการเพราะศัลยกรรม เราก็มีให้เห็น
- นอนท่ายากให้ตื่นขึ้นมาผมเป็นลอนสวยด้วยโรลม้วนผมยุคนั้นอีกไง
แต่ไม่มีความอยากสวยอะไรที่จะสามารถทรมานพวกเราได้เท่ากับความอยากผอม
เพราะมันศัลยกรรมให้หุ่นดี จากน้ำหนัก 70-80 ก.ก. ลดลงมาเหลือ 50 ก.ก. ชั่วข้ามวันไม่ได้นะ (ถ้าทำได้หมอจะรวยค่ะ รีบ ๆ ค้นคว้ากันเข้าสิคะหมอ…)
ความอยากผอมของสาว ๆ มันเริ่มมาจากต้นศตวรรษที่ 20 นี่แหละ เมื่อสื่อต่าง ๆ ของอเมริกาปรากฎภาพสาว ๆ รูปร่างแบบผู้ชาย (boyish physique) คือตัวตรง ๆ นมแบน ๆ แล้วความนิยมมันก็กระจัดกระจาย แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วทั่วโลก
ผลการศึกษาล่าสุดในปีนี้พบว่าผู้หญิงอเมริกัน 80% มีความไม่พอใจรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และมีถึง 10 ล้านคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานจากการกิน (Suffering from eating disorder) ส่วน 70% ของเด็กผู้หญิงอเมริกันวัยประถม อายุ 6-12 ปี ที่มีน้ำหนักตัวปกติคิดว่าตัวเองอ้วนเกินไป... พวกหนูเล่นบาร์บี้กันมากไปไหมคะลูก! (ข้อมูลจาก Women’s National Health Week)
ผู้หญิงไทยกับการศัลยกรรม
ในส่วนของการยอมเจ็บเพื่อศัลยกรรมนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า เพราะสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) มีข้อมูลว่า ประเทศไทยเราติดอันดับที่ 21 ของโลก ของการทำศัลยกรรมความงาม ส่วนประเทศที่ชนะเลิศติดอันดับหนึ่งคือสหรัฐอเมริกา
ผู้หญิงไทยยอมเจ็บอะไรมากที่สุด มาดู (ข้อมูลปี 2559 จาก ISAPS)
อันดับ 1 ศัลยกรรมเปลือกตา 16,584 ครั้ง
อับดับ 2 รองลงมาคือ
เสริมหน้าอก 14,435 ครั้ง (การเสริมหน้าอกคือศัลยกรรมอันดับหนึ่งของโลกในปีนั้น)
อันดับ 3 เสริมจมูก 12,182 ครั้ง
อันดับ 4 ดูดไขมัน 9,173 ครั้ง (ต้องดีใจนิดหน่อยนะคะ เพราะงานสวยเจ็บ ๆ อันนี้เขานิยมกันเป็นอันดับสองของโลกเลย
แสดงว่าคนไทยเราหุ่นดี ไม่ต้องดูดไขมันมากเท่าไหร่)
อันดับ 5 ผ่าตัดไขมันหน้าท้อง จำนวน 4,598 ครั้ง
ผู้หญิงเราทำกันถึงขนาดนี้เพื่ออะไร เพื่อให้สวยทำไมถึงกับต้องยอมเจ็บกันมาหลายศตวรรษ?
เหตุผลของจิตวิทยาความงาม The psychology of Beauty
คนเรารับรู้ถึงความงามได้ เพียงแค่เหลือบมอง
มีผลการศึกษาที่พบว่าสมองคนเราสามารถรับรู้ถึงความงามตรงหน้าได้อย่างรวดเร็วเพียงชั่วเหลือบมอง ว่าคนไหนที่สะดุดตา (จากงานศึกษาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของ Olson & Marshuetz (2005) เรื่อง Facial Attractiveness Is Appraised in a Glance. หรือการประเมินใบหน้าที่สะดุดตาเพียงแค่เหลือบมอง) พูดง่าย ๆ ก็คือ มนุษย์รู้จักความสวย เห็นปุ๊บรู้เลยว่านี่คือสวยนี่คือไม่สวย แล้วก็ไม่ใช่เกิดจากประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยนะว่าสังคมบอกว่าแบบไหนสวย เพราะเขาศึกษาจากความสนใจของทารกที่มีต่อคนที่มีใบหน้าสะดุดตาหรือหน้าตาดีนั่นเอง (J. H. Langlois, Ritter, Roggman, & Vaughn, 1991; Slater et al., 1998)
เป็นที่หมายปอง เพราะการคัดเลือกทางธรรมชาติ
ความสนใจคนหน้าตาดีนั้นมีการพูดถึงเรื่องนี้ว่าเป็นทฤษฎีคัดเลือกทางธรรมชาติ (Natural Selection) ที่ทำให้มนุษย์เลือกมองคนที่รูปร่างหน้าตาดี เพราะคือมียีนส์ดีนั่นเอง (Etcoff, 1999; Grammer, Fink, Moller, & Thornhill, 2003; Penton-Voak et al., 2001; Perrett et al., 1998; Symons, 1979; Thornhill & Gangestad, 1999). ซึ่งอาจจะเป็นด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้หญิงเราจำเป็นต้องทำให้ตัวเองดูดี ดูสวย ดูเป็นสายพันธุ์ที่น่าเลือกอยู่เสมอ เลือกฉันสิ เลือกฉันเถอะ ฉันจะเป็นแม่พันธุ์ที่ดีแน่ เพราะฉันสวยไง ลูกของเราจะได้หน้าตาดียังไงคะ
(และนั่นก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่พวกผู้ชายกำลังเพาะกล้ามอยู่ในฟิตเนสเอามาโชว์เราว่ามียีนส์ดี ๆ หรือจะโชว์กันเอง ขยายพันธุ์กันเองก็ไม่รู้สินะ)
และรู้ไหมว่า ขณะที่สาว ๆ เราเกลียดตูดใหญ่ของพวกเราเนี่ย มันกลายเป็นสิ่งดึงดูดสายตาหนุ่ม ๆ ได้พอ ๆ กับหน้าอกล้น ๆ ที่พยายามดันกันซะ นั่นก็มาจากเหตุผลเรื่องการคัดเลือกทางธรรมชาติอีกนั่นแหละที่เชื่อว่าผู้หญิงสะโพกผายจะให้กำเนิดลูกได้ง่ายกว่า ลูกจะดกกว่า
งานศึกษาของ Wilson & Daly เมื่อปี 2004 บอกว่า ผู้ชายจะยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้มากกว่าในอนาคตหากเจอผู้หญิงสวยตรงหน้า ณ ตอนนี้ คือยอมแลก ยอมจนเพื่อความงามกันเลย
เพราะความสวยมีอิทธิพลขนาดนี้ แล้วทำไมใคร ๆ จะไม่พยายามสวยในทุกมิติ สำหรับใครที่ทำใหม่กับทุกสิ่งบนใบหน้าและร่างกาย ก็จะสวยมากหน่อย และก็จะเจ็บตัวมากอีกด้วย แต่ผู้หญิงหลายคนคงจะแย้งว่า
------------------------------------------------------
“เจ็บตัวแค่นี้มันเบา ๆ ไม่ได้สาหัสเท่ากับที่ใจมันเจ็บ”
------------------------------------------------------
เพราะฉะนั้น ที่ทำ ๆ กันอยู่ นอกจากจะสวยเพื่อความสุขเวลาแต่งตัวออกนอกบ้านรวมไปถึงตอนแก้ผ้าอยู่ในบ้านแล้ว ยังสวยเพื่อป้องกันไม่ให้ใจมันเจ็บนี่แหละ
สวยแต่พอดี ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ
แต่จะเพื่ออะไรก็ตาม ในยุคที่ความสวยไม่ใช่เรื่องยาก ผู้ชายยังสวย(กว่า)ได้เลยนี่นา งานสวยแบบไม่เจ็บตัวมากก็ทำได้แล้วไง ง่ายด้วย ทั้งงานฉีด งานเลเซอร์ เครื่องสำอางดี ๆ กับศิลปะการแต่งหน้า ผู้หญิงเราต้องลองมาคิดกันดูใหม่แล้วนะว่า เราจะทำร้ายตัวเองแค่พอดี ให้สวยอย่างไม่ต้องเจ็บตัวมากดีกว่าไหม เอาแค่สวยให้เรามีความสุข ไม่ต้องไปสวยเพื่อให้พวกผู้ชายเกิดกระบวนการคัดเลือกทางธรรมชาติ เพราะนั่นก็จะได้เจ็บตัวกันอีกต่อ แต่ไม่ใช่เจ็บเพื่อสวย กลายเป็นสวยเพื่อเจ็บสินะ
อ้างอิง เอกสารเรื่อง The Neural Response to Facial Attractiveness From the Department of Neurology and Center for Cognitive Neuroscience, University of Pennsylvania, Philadelphia, PA