สถานการณ์ช่วงนี้ นึก ๆ ไปแล้วเหมือนเรากำลังอยู่ในยุคสงครามโลก หรือหนังซอมบี้เลยว่ามั้ยคะ จากข่าวที่เห็นผู้คนต่างโหมซื้อข้าวของเครื่องใช้ กักตุนอาหาร ด้วยความหวาดกลัว โรคระบาดโควิด-19 ที่พร้อมจะกลายพันธุ์ และทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนทำให้หน้ากากอนามัยขาดตลาด ตามมาด้วยแอลกอฮอลล์ล้างมือ แอลกอฮอล์ล้างแผล ที่ตอนนี้ราคาพุ่งทะยานเลยราคาน้ำมันไปแล้วจย้าาาาา

    แต่นอกเหนือจากความดราม่ามากมายในโซเชียลมีเดีย เราก็ยังเห็นเรื่องราวดี ๆ ที่ผู้คนทำให้กันและกัน ทั้งในเชิงนโยบาย อย่างเช่นการเปิดร้านก่อนเวลาเปิดจริงเพื่อให้ผู้สูงอายุและคนพิการได้เข้ามาเลือกซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตแบบไม่ต้องแย่งชิงกับคนหนุ่มสาว หรือการยกเปียโนมาตั้งริมระเบียงอพาร์ตเมนต์และบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ให้เพื่อนบ้านที่กักตัวกันอยู่ในพื้นที่เสี่ยงได้มีความบันเทิงเข้ามาในชีวิตบ้าง

ซูเปอร์มาร์เก็ตเปิด 7-8 โมงเช้าให้ผู้สูงอายุ คนพิการ และบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาซื้อของก่อนคนทั่วไป - สำนักข่าวรอยเตอร์

    เห็นแล้วว่าท่ามกลางวิกฤติที่ทุกอย่างมันดูเหงา เศร้า และตึงเครียดกันไปหมด ก็ยังมีอีกมุม ที่เราเลือกจะเป็น ‘ผู้ให้’ ได้เช่นกันนะคะ

    แล้วสิ่งที่คนตัวเล็ก ๆ อย่างเรา พอจะทำได้ ในสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้ มันมีอะไรบ้าง? *cosmenet รวมวิธีเป็น ‘ผู้ให้’ แบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้มาให้ทุกคนลองเลือกทำกันดูนะคะ

“ให้” แก้เครียดกันเถอะ!

1. กักตัวอยู่บ้าน ไม่เพิ่มผู้ติดเชื้อ

    วิธีง่ายๆ ที่ทำได้ตั้งแต่วันนี้ แค่เพียงคุณกักตัวเองอยู่บ้าน ไม่ออกไปเที่ยวเล่น ก็ถือว่าได้ช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มหมอและพยาบาลที่อยู่โรงพยาบาลทำงานหนักเพื่อลดจำนวนผู้ป่วย และลดการระบาดของโรค จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว

2. หยุดกักตุนของ

    บ้านไหนที่เคยผ่านวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ก็น่าจะพอรู้ว่า ข้าวสาร อาหารแห้งที่กักตุนเอาไว้ในช่วงนั้น ใช้ไม่ทันจนหมดอายุไปเยอะพอสมควร ดังนั้น สติต้องมาค่ะ! การกักตุนอาหาร ของใช้ประจำวันต่างๆ จนหมดเชลฟ์โดยไม่จำเป็น อาจทำให้คนที่ต้องการมากกว่า อย่างเช่นคุณหมอ ทีมพยาบาล ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ต่างก็ต้องการของใช้ประจำวัน ได้ทานอาหารดี ๆ ครบหมู่ และมีคุณภาพ หากขาดแคลนสิ่งจำเป็นเหล่านี้ไป เค้าอาจกลายเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อไปเลยก็ได้นะคะ ก่อนจะซื้อของทุกครั้ง อยากให้ลองคำนวณกันดี ๆ ว่า หากต้องหยุดอยู่บ้านซัก 1-2 เดือน คุณจำเป็นต้องใช้ของเหล่านี้เยอะ-น้อยขนาดไหน แล้วซื้อเท่าที่จำเป็นจริง ๆ ก็พอแล้วค่ะ

3. แบ่งปันของเหลือใช้

    แม้ว่าก่อนหน้านี้ คุณอาจจะอยู่ในกลุ่ม Panic Buying แต่เมื่อสติกลับมา ก็จะรู้เลยว่า ของที่ขนซื้อมานั้น บางอย่างก็เยอะเกินความจำเป็นไปมาก เพราะถึงตอนนี้ ก็ยังสั่งของออนไลน์ให้มาส่งที่บ้านได้แบบไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นเจลล้างมือ หน้ากากผ้าหลากสีสัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายลัง ที่ดู ๆ ไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะกินได้หมดภายในปีนี้หรือเปล่า ลองหยิบมาแบ่งปันให้กับคนรอบข้างกันดูบ้างก็ได้นะ ไม่ต้องไกลตัวค่ะ อาจจะเป็นพี่รปภ.หน้าหมู่บ้าน พนักงานทำความสะอาด เจ้าหน้าที่เก็บขยะ หรือน้องแคชเชียร์ในร้านสะดวกซื้อ ล้วนเป็นคนที่ต้องทำงานด้วยความเสี่ยง เพื่อให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้นกันทั้งนั้น

4. สร้างความบันเทิงให้สังคมแบบง่าย ๆ

    มีความสามารถอะไร ก็งัดกันออกมาเลยค่ะ ใครเสียงดี จะไลฟ์ร้องเพลงคลายเครียด หรือวาดรูปส่งกำลังใจให้ทุกคนติดไว้ที่ระเบียงคอนโด แชร์ลิสต์ซีรีส์หนังที่คุณชอบ ออกมาซ้อมเต้น cover หน้าบ้าน แม้กระทั่งความสามารถทางบัญชีก็ช่วยได้นะคะ ถ้าอยู่บ้านว่าง ๆ ก็ลองโพสต์ให้ความช่วยเหลือคนที่ยังไม่ยื่นภาษีปีนี้ ช่วยคำนวณรายได้ระหว่างกักตัวกันไปเพลิน ๆ เราว่า ก็ช่วยแก้เบื่อ แก้เหงาไปได้เยอะเลยค่ะ

5. เช็ค ก่อน แชร์

    ข่าวปลอมมันเยอะมากกกก ด้วยความตื่นตระหนกของคน ได้ยินได้ฟังอะไรมานิดหน่อย ก็จับมาสรุปเอาเองแล้วแชร์กันต่อรัว ๆ จนบางที เราเองอาจจะเป็นต้นกำเนิดของข่าวปลอมนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้ วิธีที่ใช้ได้ผลดีเสมอคือ อ่านไว้เป็นข้อมูล แต่งดแชร์จนกว่าจะมีประกาศอย่างเป็นทางการค่ะ

เช็คลิสต์ : เราติดโควิด-19 รึยังนะ?

สำหรับคนที่กังวลว่า ตัวเองติดโควิด-19 ไปแล้วรึยังนะ อยากให้ลองสังเกตุอาการ และวิธีปฏิบัติตัวตามเช็คลิสต์ด้านล่างนี้ที่ WHO แนะนำกันดูก่อนจะไปโรงพยาบาลนะคะ

• หากมีอาการใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย เช่น ปวดหัว มีไข้เล็กน้อย ให้แยกตัวออกจากผู้อื่นในบ้าน แล้วสังเกตุอาการด้วยตัวเองดูก่อน 14 วัน ถ้าอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนะคะ เพราะอาจเป็นการเข้าไปรับเชื้อโรคจำนวนมาก ในช่วงที่ร่างกายคุณมีภูมิคุ้มกันต่ำ ยิ่งเสี่ยงติดโควิด-19 มากกว่าแยกตัวเองอยู่ที่บ้านเสียอีกค่ะ
• หากมีอาการอย่างชัดเจน เช่น ไอ เจ็บคอ หายใจลำบาก ให้แยกตัวออกจากผู้อื่นในบ้านทันที ถ้าพบว่ามีอาการแย่ลงภายใน 1-2 วัน ให้ติดต่อทีมแพทย์เข้ามารับตัวคุณไปที่โรงพยาบาล อย่าให้คนใกล้ชิดพาไปโรงพยาบาล หรือพยายามไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เพราะอาจไปเพิ่มการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างเดินทางค่ะ
• สำหรับคนที่ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องตื่นกลัวเกินเหตุ แค่ล้างมืออย่างถูกสุขลักษณะทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนทานอาหาร ก่อนจับตา จมูก ปาก และใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้านเสมอ ก็สามารถป้องกันตัวเองจากเชื้อโควิด-19 ได้เกือบ 100% แล้วค่ะ

    โควิด-19 นั้นน่ากลัว แต่เราจะรอดพ้นจากมันไปได้ ด้วยน้ำใจที่มีให้กันและกันนะคะ ขอจบสวยๆ ด้วยประโยคของคุณหมอจิตเวช Metin Başoğlu (ศาสตราจารย์และผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยและการบำบัดพฤติกรรมอิสตันบูล)