ขอพนันเลยค่ะว่าตอนนี้ยังมีสาว ๆ จำนวนไม่น้อยแยกไม่ออกว่าคลีนซิ่งกับคลีนเซอร์ ต่างกันยังไง บางคนรู้แค่ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าคลีนซิ่งคืออะไรและคลีนเซอร์คืออะไร วันนี้ *Cosmenet เลยถือโอกาสพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าคลีนซิ่งและคลีนเซอร์ให้มากขึ้นกัน ถ้าอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรล่ะก็ อย่ามันรอช้ารีบตามมาดูกันเลยค่าาา~
คลีนซิ่ง/คลีนเซอร์ คืออะไร ?
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าออกมาให้เราได้เลือกซื้อกันมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เจ้าคลีนซิ่งและคลีนเซอร์นี่แหละค่ะ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าสองตัวนี้เค้าคืออะไร? เราจะมาอธิบายบายให้ฟังกันค้าา
- คลีนซิ่ง (Cleansing) คืออะไร ?
เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอาง หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่าเมคอัพรีมูฟเวอร์ (Make up Remover) นั่นเองค่ะ หน้าที่หลัก ๆ ของเค้าก็คือเช็ดทำความสะอาดสิ่งสปรก คราบเหงื่อไคล ความมัน และเมคอัพ ซึ่งเป็นการเคลียร์ผิวให้สะอาดก่อนล้างหน้า เพราะบอกเลยว่าแค่การล้างหน้าอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่เราเจอมาทั้งวัน ไหนจะครีมกันแดดและเมคอัพกันน้ำอีก คลีนซิ่งจึงถือเป็นไอเท็มที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอีกแรงนึงค่าา
- คลีนเซอร์ (Cleanser) คืออะไร ?
ถึงแม้ชื่อเรียกจะมีความคล้ายคลึงกันแต่ขอบอกเลยว่าเค้าไม่เหมือนกันนะคะ เพราะเจ้าคลีนเซอร์เค้าเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ต้องใช้น้ำล้างออก หรือที่เราเรียกกันว่า โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า หรือสบู่ล้างหน้านั่นเองค่ะ ซึ่งคลีนเซอร์จะมีสูตรที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้ตอบโจทย์กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคนค่า
คลีนซิ่ง/คลีนเซอร์ ใช้ตอนไหน ?
- คลีนซิ่ง (Cleansing) : ใช้เป็นขั้นตอนแรกก่อนล้างหน้า ขณะผิวแห้ง และยังมีเมคอัพแน่น ๆ บนผิวหน้าได้เลยค่ะ เพราะเจ้าคลีนซิ่งเค้าจะช่วยเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง ครีมกันแดด ความมัน และสิ่งสปรกที่อยู่บนผิวหน้า
- คลีนเซอร์ (Cleanser) : หลังเช็ดหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะมาทำความสะอาดผิวหน้ากันอีกครั้งด้วยคลีนเซอร์ หรือโฟมล้างหน้านั่นเองค่ะ โดยเราจะใช้ขณะผิวหน้าเปียก จากนั้นนวดเนื้อโฟมลงบนผิวหน้าเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ
คลีนซิ่ง/คลีนเซอร์มีสูตรอะไรบ้าง และแต่ละสูตรเหมาะกับใคร ?
ถึงแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดผิวหน้า แต่คลีนซิ่งและคลีนเซอร์จะมีสูตรที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละสูตรก็ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อผิวแต่ละประเภทโดยเฉพาะเลยค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าผิวของเราเหมาะกับคลีนซิ่งและคลีนเซอร์สูตรไหน? รีบตามมาดูกันเลยค่าา
- คลีนซิ่ง (Cleansing) มีสูตรอะไรบ้าง ?
- คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil)
เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำและน้ำมัน โดยคลีนซิ่งบางตัวจะเห็นได้ชัดเลยว่ามีการแยกส่วนระหว่างน้ำกับน้ำมันอย่างชัดเจน ต้องเขย่าให้เข้ากันก่อนใช้งาน ซึ่งจุดเด่นของคลีนซิ่งออยล์สูตรนี้คือสามารถเช็ดเครื่องสำอางได้เกลี้ยงกริบ!
เหมาะกับ : ผิวธรรมดา-ผิวแห้ง แต่สาวผิวมันไม่ค่อยแนะนำนะคะ เพราะอาจจะทำให้เกิดการอุดตันตามมาได้ค่ะ
- คลีนซิ่งสูตรน้ำ (Cleansing Water)
ถือเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยเป็นสูตรที่ต้องใช้คู่กับสำลีนะคะ แนะนำให้เช็ดจนกว่าสำลีแผ่นสุดท้ายจะสะอาด เพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าของเราสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอาง ข้อดีของคลีนซิ่งสูตรน้ำคือ เค้ามีเนื้อสัมผัสที่บางเบา และไม่เหนอะหนะเลยค่ะ
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีสูตรที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นสาว ๆ ควรเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองกันนะคะ
- คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel)
ต้องบอกเลยค่ะว่าคลีนซิ่งเจลเป็นสูตรที่อ่อนโยนต่อผิวขั้นสุด! โดยสามารถใช้คู่กับสำลี หรือจะบีบลงบนฝ่ามือ จากนั้นนวดวนเบา ๆ แล้วเช็ดออกด้วยสำลีก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
เหมาะกับ : ทุกภาพผิว โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผิวบอบบางแพ้งาย หรือมีปัญหาสิว
- คลีนซิ่งครีม (Cleansing Cream)
เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เข้มข้นและอ่อนโยนไม่แพ้สูตรเจลเลยค่ะ สำหรับวิธีใช้ก็ง่ายมาก ๆ แค่ปาดเนื้อครีมลงบนผิวหน้า จากนั้นใช้นิ่วนวดวนเบา ๆ แล้วเช็ดออกด้วยสำลี เพียงเท่านี้หน้าก็สะอาดแล้วค่าา
เหมาะกับ : ผิวธรรมดา - ผิวแห้ง แต่ไม่แนะนำสำหรับสาวผิวมันนะคะ เพราะอาจจะทำให้หน้ามันกว่าเดิม
- คลีนซิ่งน้ำนม (Cleansing Milk)
เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่มาของชื่อเรียกคลีนซิ่งน้ำนมมาจากเนื้อของผลิตภัณฑ์ที่มีสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมวันนั่นเองค่ะ แต่บางแบรนด์เค้าก็มีส่วนผสมของน้ำนมจริง ๆ นะคะ
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะสาวผิวแห้งที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
- คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm)
สำหรับคลีนซิ่งบาล์มจุดเด่นของเค้าคือเนื้อบาล์มนุ่ม เมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วจะเป็นเป็นน้ำนม ช่วยละลายเมคอัพ ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนผิวหน้าได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ วิธีใช้แค่นวดวน ๆ ลงบนผิวที่แห้ง โดยแตะน้ำเล็กน้อย แล้วล้างออกด้วย้ำสะอาด
เหมาะกับ : ผิวธรรมดา - ผิวแห้ง
- คลีนซิ่งแบบแผ่น (Cleansing Pad)
เรียกได้ว่าเป็นนวัฒกรรมใหม่ของคลีนซิ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ สำหรับ คลีนซิ่งแบบแผ่น (Cleansing Pad) ทีมีหน้าตาคล้ายกับทิชชูเปียก โดยภายในแผ่นทิชชูหรือสำลีแต่ละแผ่นจะมีคลีนซื่งผสมอยู่นั่นเองค่ะ บอกเลยว่าใช้งานง่าย แถมพกพาสะดวก เหมาะสำหรับสาว ๆ สายเดินทางที่ต้องการประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าสุด ๆ เลยค่ะ
เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว
- คลีนเซอร์ (Cleanser) มีสูตรอะไรบ้าง ?
- โฟมล้างหน้า (Cleansing Foam)
เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงจะคุ้นเคยกันดีกับคลีนเซอร์ประเภทนี้ โดยจุดเด่นของเค้าคือ มีเนื้อครีมเข้มข้น สีขาวขุ่น เมื่อโดนน้ำจะเปลี่ยนเป็นฟองโฟมนุ่ม ช่วยทำความสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้า
เหมาะกับ : ผิวธรรมดา - ผิวมัน แต่ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะโฟมล้างหน้าบางตัวอาจมี SLS หรือสารที่ทำให้เกิดฟอง ซึ่งอาจจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดอาการแพ้ตามมาได้
- เจลล้างหน้า (Cleansing Gel)
ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าประเภทที่อ่อนโยนต่อผิวที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ สำหรับจุดเด่นของเค้าคือ เนื้อเจลเหลวใส เนื้อไม่หนัก โดยมีให้เลือกทั้งแบบมีฟองและไม่มีฟองเลยค่ะ แต่ฟองจะค่อนข้างน้อยกว่าโฟมล้างหน้า
เหมาะกับ : ผิวมัน ผิวผสม ผิวบอบบางแพ้ง่าย และผิวเป็นสิว
- สบู่ล้างหน้า (Facial Soap)
ปิดท้ายด้วยสบู่ล้างหน้าที่มีลักษณะเป็นก้อนคล้ายสบู่สำหรับฟอกตัว ถือเป็นประเภทที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ SLS หรือสารที่ทำให้เกิดฟอง และมีค่า pH ที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผิวแห้งและเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้นั่นเองค่ะ
เหมาะกับ : ผิวมัน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เกี่ยวกับคลีนซิ่งและคลีนเซอร์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อว่าตอนนี้สาว ๆ หลายคนคงจะแยกออกแล้วใช่มั้ยคะว่าคลีนซิ่งกับคลีนเซอร์ ต่างกันยังไง แถมยังรู้อีกว่าสูตรไหนเหมาะกับสาภพผิวของเรา คราวนี้ก็หมดห่วงเรื่องปัญหาเรียกชื่อผิดแล้วล่ะค่าา