เชื้อราที่เล็บเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ ที่ชื่นชอบในการต่อเล็บ ถึงแม้จะไม่ใช่ปัญหาที่เป็นอันตรายแต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้เด็ดขาดเลยค่ะ เพราะเชื้อราอาจลุกลามปานปลายจากปัญหาเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ แถมยังเสี่ยงเล็บผิดรูปถาวรด้วยค่ะ วันนี้ *Cosmenet เลยถือโอกาสพาสาว ๆ มาทำความรู้จักกับปัญหาเชื้อราที่เล็บ พร้อมแนะนำวิธีวิธีรักษาเชื้อราที่เล็บอย่างถูกต้องกันค่าา~
เชื้อราที่เล็บ เกิดจากอะไร?
- ล้างมือบ่อยเกินไป : ถึงแม้การล้างมือบ่อย ๆ จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ในทางกลับกันหากเช็ดมือไม่แห้งก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราที่เล็บได้ค่ะ เพราะฉะนั้นหลังล้างมือทุกครั้งสาว ๆ จะต้องไม่ลืมเช็ดมือให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้เล็บเป็นเชื้อรากันด้วยน้าค้าา
- ต่อเล็บแล้วเป็นเชื้อรา : สาว ๆ คนไหนที่เป็นสายเล็บเจล หรือชื่นชอบการต่อเล็บ บอกเลยว่าเสี่ยงเป็นเชื้อราที่เล็บมาก ๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะการต่อเล็บแบบ PVC ที่เป็นการติดเล็บปลอมครอบเล็บจริงด้วยกาว แต่ด้วยความที่เล็บ PVC มีรูปทรงที่แตกต่างจากเล็บจริง จึงทำให้ติดได้ไม่แนบสนิท เมื่อน้ำซึมเข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดเชื้อราที่เล็บได้ง่ายนั่นเองค่ะ
- ไม่รักษาความสะอาดของเท้า : ใครที่ชอบเดินเท้าเปล่าบนพื้นสาธารณะที่มีความชื้น หรือมีน้ำท่วมขัง เช่น ห้องน้ำสาธารณะ, สระว่ายน้ำ และสนามหญ้าที่เปียกชื้น เป็นต้น อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราที่เล็บเท้าได้ง่าย
- สวมใส่รองเท้าที่อับชื้น : การสวมใส่รองเท้าที่มีความอับชื้น นอกจากจะทำให้เท้าเหม็นแล้ว ยังอาจจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อราที่เล็บตามมาได้ เพราะฉะนั้นสาว ๆ จึงควรหลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าเปียก หรืออับชื้น โดยเฉพาะในวันฝนตกแนะนำให้สวมรองเท้าแตะจะดีที่สุดค่าา
- โรคน้ำกัดเท้า : สำหรับโรคน้ำกัดเท้า เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักจะพบในคนที่ต้องลุยน้ำและแช่น้ำเป็นเวลานาน ทำให้เท้ามีความชื้นอยู่ตลอดเวลาจนเกิดเชื้อราที่เท้า ซึ่งสามารถลุกลามมาที่เล็บได้ค่ะ
อาการของเชื้อราที่เล็บ
- เล็บเปลี่ยนสี : เล็บเริ่มเปลี่ยนสีจนสังเกตุเห็นได้ชัดเจน เช่น สีเขียว สีดำ สีขาว หรือสีเหลือง เป็นต้น
- เล็บหนาขึ้น หรือผิดรูป : เล็บมีความหนา หรือมีรูปร่างที่ผิดปกติ ซึ่งยากต่อการตัดแต่ง
- มีอาการเจ็บที่เล็บ : รู้สึกเจ็บที่บริเวณเล็บ โดยเฉพาะเวลากดลงไปแรง ๆ บริเวณเล็บที่เป็นเชื้อรา
- เล็บเปราะ หักง่าย : โดยส่วนใหญ่แล้วเล็บที่เป็นเชื้อราจะเปราะบางและแตกหักได้ง่ายกว่าปกติ
- คันผิวหนังบริเวณเล็บ : ในบางกรณีอาจมีอาการบวมแดง และคันเล็บมือ คันซอกเล็บเท้าที่เป็นเชื้อราร่วมด้วย
วิธีรักษาเชื้อราที่เล็บด้วยตัวเอง
1. ตัดเล็บส่วนที่เป็นเชื้อราออก
ขั้นตอนแรกหลังรู้ตัวว่าเป็นเชื้อราที่เล็บ แนะนำให้สาว ๆ ใช้กรรไกรตัดเล็บค่อย ๆ ตัดเล็บส่วนที่เป็นเชื้อราออกเพื่อป้องไม่ให้เชื้อราลุกลาม แต่กรรไกรตัดเล็บที่ใช้ไม่ควรใช้ร่วมกับคนอื่นนะคะ เพราะอาจจะทำให้เชื้อราแพร่ไปสู่คนอื่นได้ค่ะ จากนั้นแนะนำให้หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และที่สำคัญหลังล้างมือทุกครั้งอย่าลืมเช็ดมือให้แห้งสนิทด้วยน้าา
2. ทำความสะอาดเล็บด้วยแอลกอฮอล์
สำหรับการรักษาเชื้อราที่เล็บ แค่การล้างมืออย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ สาว ๆ จะต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดเล็บด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผลเป็นประจำระหว่างทำการรักษาเชื้อราที่เล็บ โดยเริ่มจากเทแอลกอฮอล์ลงบนสำลี จากนั้นนำมาห่อเล็บที่เป็นเชื้อรา ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือถ้าใครไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถนำแอลกอฮอล์มาถูเล็บที่เป็นเชื้อราตามปกติก็ได้เช่นกันค่า ซึ่งแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา จึงช่วยรักษาเชื้อราที่เล็บให้หายไวขึ้นนั่นเองค่ะ
3. ทาวาสลีนเป็นประจำ
รักษาเชื้อราที่เล็บด้วยไอเทมสามัญประจำบ้าน อย่าง วาสลีน หรือปิโตรเลี่ยมเจล ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาทาบริเวณเล็บที่เป็นเชื้อรา โดยวาสลีนจะช่วยรักษาความชื้นในเนื้อเล็บและป้องกันไม่ให้น้ำ หรือสิ่งสกปรกเข้าไปในเล็บ จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อและหยุดการเติบโตของเชื้อราได้ค่าา สามารถหยิบมาทาได้ทุกเวลาเลยนะคะ หรือใครจะทาแค่เฉพาะตอนก่อนนอนก็ได้เช่นกันค่ะ
4. แช่เล็บในน้ำส้มสายชู
อีกวิธีรักษาเชื้อราที่เล็บง่าย ๆ โดยการนำน้ำสะอาดเทใส่กะละมังที่สามารถแช่เท้าลงไปได้ ผสม Apple Cider Vinegar หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลลงไปในปริมาณ 1:1 แช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วเช็ดให้แห้ง โดยน้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา แนะนำให้ทำแบบนี้วนไปแค่อาทิตย์ละครั้ง รับรองว่าเชื้อราที่เล็บหายขาดและไม่กลับมาเป็นอีกแน่นอนค่ะ
5. แปะเล็บด้วยน้ำยาบ้วนปาก
รักษาเชื้อราที่เล็บด้วยน้ำยาบ้วนปาก เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าน้ำยาบ้วนปาก นอกจากจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคในช่องปากได้แล้ว ยังช่วยรักษาเชื้อราที่เล็บได้อีกด้วย วิธีทำก็ง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงแค่นำสำลีจุ่มลงในน้ำยาบ้วนปาก จากนั้นก็นำมาห่อลงบนเล็บที่เป็นเชื้อรา ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยให้เชื้อราที่เล็บหายเร็วขึ้นค่าา
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับความรู้เกี่ยวกับเชื้อราที่เล็บ และวิธีการดูแลรักษาเล็บเป็นเชื้อราด้วยตัวเอง ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หากใครเริ่มมีอาการเข้าข่ายว่าจะเป็นเชื้อราที่เล็บ แนะนำให้รีบรักษาโดยด่วนเลยค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราลุกลาม แถมยังหายไวขึ้นด้วยน้าา
สายเล็บเจลทำเล็บบ่อยจนเล็บเหลือง ต้องตามมาดู 6 วิธีแก้เล็บเหลืองเป็นเล็บใสวิ้งแบบมือคุณหนู