อาการคันน้องสาวยุบยิบ คันแบบไม่มีสาเหตุ ต้องขอพูดก่อนเลยว่า อาการคันน้องสาวแบบไม่มีสาเหตุนั้น ไม่จริงจ้า ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นกับน้องสาวแล้วไม่มีสาเหตุ เพราะอาการคัน ตกขาวมีกลิ่น อาจเป็นการติดเชื้อในช่องคลอด หรืออาการที่มักเกิดขึ้นจากน้องสาวอับชื้นอย่าง “เชื้อราในช่องคลอด” นั่นเอง
ยิ่งเราอยู่ในประเทศเขตร้อน และในช่วงหน้าฝนที่อากาศค่อนข้างชื้นแบบนี้แล้ว ยิ่งเสี่ยงต่อการอับชื้นที่ทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดเลยค่ะ แล้วมันมีความเสี่ยงนอกจากความอับชื้นอีกมั้ย ? เราจะแก้อาการคันน้องสาวยังไงได้บ้าง ไปไขข้อสงสัยกันเลยค่าา ~
6 อาการที่เป็นสัญญาณของภาวะเชื้อราในช่องคลอด
ถ้ากำลังสงสัยว่าอาการคันน้องสาวของเรามันแค่คันเฉย ๆ เพราะระคายเคือง หรือเป็นเชื้อราในช่องคลอดกันแน่ ก็ไปดูอาการไม่พึงประสงค์ที่บ่งชี้ว่าคุณอาจติดเชื้อราในช่องคลอด ดังนี้เลย
- คันยุบยิบและระคายเคือง บริเวณปากช่องคลอดรวมถึงภายในช่องคลอด บางรายอาจคันมากจนทนไม่ไหว
- อาการบวมแดงที่น้องสาว เป็นสัญญาณของการติดเชื้อราในช่องคลอด อาจมีอาการปวดร่วมด้วย
- มีผื่นแดงขึ้นบริเวณน้องสาว ที่แสดงถึงการติดเชื้อ และเกิดเชื้อราที่น้องสาว
- รู้สึกแสบร้อน เจ็บ ขัด เวลาปัสสาวะ รวมไปถึงเวลามีเพศสัมพันธ์ด้วย
- ตกขาวมีสีผิดปกติ เป็นสีครีมข้น ตกขาวเป็นก้อน ไม่มีกลิ่น หรือมีตกขาวเป็นน้ำใส ๆ ร่วมกับอาการคัน
- ตกขาวมีกลิ่นคาวไม่พึงประสงค์ ร่วมกับสีของตกขาวกลายเป็นสีเหลือง
ข้อเสียคือภาวะเชื้อราในช่องคลอด อาจไม่เกิดอาการภายนอกอะไรเลยในบางรายค่ะ เราจึงจำเป็นจะต้องสังเกตน้องสาวตัวเองอยู่เสมอ และรักษาความสะอาดอย่างถูกต้องนะคะ
และใครที่ไม่รู้ว่าช่องคลอดคือตรงไหน ? ❤️จิ้มตรงนี้เลย ❤️*Cosmenet เคยอธิบายเรื่องกายภาพของน้องสาวไปคร่าว ๆ แล้วค่ะ เราต้องรู้จักน้องสาวของเรากันก่อนถึงจะรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นนี่เนอะ :D
สาเหตุในการเกิดเชื้อราในช่องคลอด คืออะไร?
ภาวะเชื้อราในช่องคลอด หรือ ติดเชื้อในช่องคลอด เป็นภาวะที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อที่สามารถยึดติดกับเซลล์บุช่องคลอดได้ อย่าง เชื้อ Candida Albicans และเชื้อ Candida Grabata โดยมักเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ดังนี้
- ทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน : ทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียดีที่อยู่ในร่างกายนั้นลดน้อยลง เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อต่าง ๆ ได้ไวมากขึ้น
- มีประวัติติดเชื้อราในช่องคลอด : รวมไปถึงสาว ๆ ที่เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาแล้ว จะเกิดความเสี่ยงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ตั้งครรภ์ หรือ ทานยาคุมกำเนิด : คุณแม่ที่กำลังมีเบบี๋ และสาว ๆ ที่ทานยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง รวมถึงผู้ที่กำลังเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมน อาจมีความเสี่ยงติดเชื้อราในช่องคลอดมากกว่าปกติ
- โรคเบาหวาน : ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานและไม่ได้ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้ดี อาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อราในช่องคลอดได้
- ภูมิคุ้มกันต่ำ : ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วย HIV, แพ้ภูมิตัวเอง และผู้ป่วยที่ต้องรับยาสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน
- พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม : การทำความสะอาดน้องสาวผิดวิธีอย่างการสวนล้างน้องสาวเป็นประจำ การเข้าห้องน้ำ / อาบน้ำแล้วเช็ดน้องสาวไม่แห้ง เช็ดน้องสาวรุนแรงเกินไป ใช้ผ้าขนหนูร่วมกับคนอื่น การใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่น ๆ รวมไปถึงการใส่เสื้อผ้าที่อับชื้น อะไรเล็กน้อยเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดการระคายเคือง รวมไปถึงการติดเชื้อและเกิดภาวะเชื้อราในช่องคลอดได้
เพราะน้องสาวของเราเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างบอบบาง ฉะนั้นควรดูแลให้ถูกต้องและซับให้แห้งทุกครั้ง ข้อสำคัญที่ขอเน้นตัวแดงเลย คือ ควรทำความสะอาดน้องสาวแค่ภายนอกเท่านั้น การสวนล้าง หรือฉีดน้ำเข้าไปข้างในช่องคลอดมีแต่จะเปิดทางให้เชื้อโรคเข้าไปสู่ช่องคลอดและมดลูก เพราะฉะนั้น ห้ามสวนล้างหรือฉีดน้ำอัดเด็ดขาดค่ะ!
เชื้อราในช่องคลอด รักษายังไง?
คำถามที่พบบ่อยคือ “เชื้อราในช่องคลอด รักษาเองได้มั้ย?” ต้องบอกก่อนว่าเชื้อราในช่องคลอดเป็นภาวะที่ความรุนแรงของอาการแตกต่างกันไป ถ้าหากอาการไม่พึงประสงค์ไม่รุนแรงมากก็อาจหายเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์และไม่ต้องรักษาเลย แต่ต้องปรับพฤติกรรมการดูแลความสะอาดน้องสาวใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเชื้อราในช่องคลอดซ้ำ ๆ ค่ะ แต่ถ้ามีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจนกระทบชีวิตประจำวันก็ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมิณความรุนแรงเพิ่มเติมและหาวิธีรักษาที่ถูกต้องค่ะ
อาการเชื้อราในช่องคลอดแบบไหน ควรไปหาหมอ?
ถ้าเกิดคุณมี อาการไม่พึงประสงค์จากภาวะเชื้อราในช่องคลอดเหล่านี้ ควรไปหาหมอทันที!
- คันมาก ๆ จนทนไม่ไหวทั้งภายนอกและภายในช่องคลอด
- น้องสาวบวมแดงร่วมกับมีอาการปวดผิดปกติ
- ปัสสาวะแล้วแสบ หรือมีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บในช่องคลอด
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็นและเปลี่ยนสี ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีขาวข้น เป็นก้อน ๆ
- เกิดเชื้อราในช่องคลอดซ้ำภายใน 2 เดือน อาจเรื้อรังได้
- เป็นเชื้อราในช่องคลอดซ้ำ ๆ มากกว่า 4 ครั้งใน 1 ปี รักษาไม่หายขาด
หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำว่าให้ไปพบแพทย์และประเมิณความรุนแรงของอาการก่อนค่ะ จากนั้นคุณหมอจะจ่ายยาที่เหมาะกับอาการ รวมถึงบอกแนวทางการดูแลสุขภาพน้องสาวด้วย
โดยเฉพาะคนที่เป็นเชื้อราในช่องคลอดแบบไม่หายขาด เป็นซ้ำ ๆ มากกว่า 4 ครั้งต่อปี ต้องเข้ารับการวินิจฉัยเพื่อรับยาฆ่าเชื้อรา และป้องกันอาการเรื้อรัง รวมถึงตรวจปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคอื่น ๆ อย่างเช่น โรคเบาหวาน ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ และโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันค่ะ
วิธีแก้อาการคันน้องสาว
คันน้องสาว วิธีแก้คือการปรับพฤติกรรมเลยค่ะ ไม่แนะนำให้หายามาเหน็บหรือทาด้วยตัวเอง ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อน สำหรับวิธีแก้อาการคันด้วยตัวเอง ก็มีดังนี้เลย ~
- ห้ามเกา เพราะการเกาเป็นการทำร้ายผิวหนัง อาจทำให้เกิดการถลอก และเชื้อโรคที่เล็บ เชื้อโรคที่ผิวหนังบริเวณน้องสาว และเชื้อโรคที่เสื้อผ้า อาจเข้าไปในแผลทำให้เกิดการติดเชื้ออื่น ๆ หรือเกิดโรคผิวหนังเพิ่มได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องสาวโดยเฉพาะ โดยเลือกใช้สูตรที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น และล้างบริเวณภายนอกเท่านั้น !! ห้ามสวนล้างเด็ดขาด !!
- ซับให้แห้งด้วยทิชชู่ที่หนานุ่ม หากทิชชู่บางเกินไปอาจรุ่ย ขาด และติดอยู่ที่น้องสาวได้
- เปลี่ยนผ้าเช็ดตัว / ซักผ้าเช็ดตัวสม่ำเสมอ เพราะผ้าขนหนูเป็นแหล่งเพาะเชื้อชั้นดีเลย คิดดูสิคะว่าถ้าไม่เปลี่ยน ไม่ซักผ้าเช็ดตัวบ่อย ๆ แล้วเอามาเช็ดน้องสาวซ้ำ ๆ จะเกิดอะไรขึ้นน
- เปลี่ยนผ้าอนามัยให้บ่อยขึ้น ทั้งแบบแผ่นและแบบสอด เพราะการใส่ผ้าอนามัยเกินเวลานาน ๆ เจ้าเชื้อโรคทั้งหลายจะแยกตัวและเพาะเชื้อที่น้องสาวเรามากขึ้นก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์มากมายค่ะ
- หากอาการรุนแรงมาก และเป็นติดต่อกันหลายชั่วโมง ควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ
และนี่ก็ไม่ใช่แค่วิธีแก้อาการคันน้องสาวอย่างเดียวนะคะ ถ้าปรับพฤติกรรมเหล่านี้ได้ จะเป็นการป้องกันการเกิดภาวะเชื้อราในช่องคลอด และกำจัดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไปได้ด้วยนั่นเองจ้าา
ก็จบแล้วค่ะ กับเรื่องวุ่น ๆ ของการดูแลน้องสาวที่ต้องดูแลให้ถูกวิธี น้องจะได้แข็งแรง ไม่เป็นเชื้อราในช่องคลอด ให้รำคาญตัวรำคาญใจ เอาเป็นว่าถ้ามีอาการอะไรผิดปกติก็ควรสังเกตตัวเองเสมอและไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมนะคะ เพราะการติดเชื้อเกี่ยวกับระบบสืบพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยทิ้งไว้ค่ะ ^^
ใครกำลังมองหาที่ล้างน้องสาวแบบอ่อนโยนอยู่ ต้องไปอ่านต่อที่นี่เลย