ไพรเมอร์ (Primer) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน โดยจะช่วยเบลอรูขุมขน เติมเต็มร่องลึกบนผิวหน้า ควบคุมมัน และทำให้เครื่องสำอางติดทนนานยิ่งขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นเบสพื้นฐานที่ใช้ลงก่อนแต่งหน้านั่นเองค่ะ ซึ่งวันนี้ *Cosmenet จะพาสาว ๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับไพรเมอร์ให้มากขึ้นกัน
ไพรเมอร์ ลงตอนไหน?
หลังจากลงสกินแคร์ ครีมกันแดด และเมคอัพเบสเพื่อปรับสีผิวแล้ว ก็สามารถลงไพรเมอร์ต่อได้เลยค่ะ หรือจำง่าย ๆ ว่าไพรเมอร์จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงรองพื้น ซึ่งสามารถเรียงตามนี้ได้เลยค่ะ สกินแคร์ > กันแดด > เมคอัพเบส > ไพรเมอร์ > รองพื้น ตามลำดับ
ไพรเมอร์ มีกี่ประเภท
ต้องยอมรับเลยค่ะว่าในปัจจุบันมีไพรเมอร์ให้เลือกหลายประเภทมาก ๆ โดยสามารถแยกประเภทได้ตามเนื้อสัมผัส ซึ่งแต่ละเนื้อสัมผัสก็จะมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ถ้าอยากรู้ว่าไพรเมอร์ประเภทไหนเหมาะกับผิวหน้าของเรามากที่สุด ก็ตามมาดูไปพร้อมกันเลยค่าา
1. ไพรเมอร์แบบสเปรย์ (Spray Primer)
เป็นไพรเมอร์เนื้อน้ำที่มาในรูปแบบสเปรย์ใช้งานง่าย พกพาสะดวก จุดเด่นคือแห้งไว สามารถลงรองพื้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอ ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว นอกจากจะมีคุณสมบัติในการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและช่วยล็อคเครื่องสำอางติดทนยิ่งขึ้นแล้ว ยังสามารถหยิบขึ้นมาฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าระหว่างวันแบบเร่งด่วนได้อีกด้วย หรือใครจะใช้ฉีดเพื่อเซตเครื่องสำอางหลังแต่งหน้าแทนสเปรย์น้ำแร่ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
- เหมาะกับ : ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการแต่งหน้า
ไพรเมอร์แบบสเปรย์ ยี่ห้อไหนดี?
- NYX Professional Makeup First Base Primer Spray (ราคา : 286 บาท / 60 ml)
ไพรเมอร์สูตรน้ำจาก NYX ที่มาในรูปแบบสเปรย์ใช้งานง่าย เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ใช้ฉีดทั่วใบหน้าก่อนลงรองพื้น จะช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น พร้อมล็อคเครื่องสำอางให้ติดทนตลอดวัน
- MAC Prep + Prime Fix+ Makeup Setting Spray (ราคา : 1,350 บาท / 100 ml)
ไพรเมอร์แบบสเปรย์จาก MAC ขวดนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น และปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนเพื่อพร้อมสำหรับการแต่งหน้า โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังแต่งหน้าเพื่อเซตผิวและล็อคเมคอัพให้ติดทนนาน
2. ไพรเมอร์เนื้อบาล์ม (Balm Primer)
ไพรเมอร์ประเภทนี้เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างระหว่างไพรเมอร์ที่ให้ความเรียบเนียน กระจ่างใสกับมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า โดยมีเนื้อสัมผัสแบบครีมเจลที่ค่อนข้างเข้มข้น หลังเกลี่ยจะเคลือบผิวและช่วยเติมความชุ่มชื้นทันที ทำให้สามารถลงรองพื้นได้ง่ายและเรียบเนียนยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
ไพรเมอร์เนื้อบาล์ม ยี่ห้อไหนดี?
- Maybelline New York Fit Me Primer Matte+Poreless (ราคา : 249 บาท / 30 ml)
ล็อคเมคอัพให้ติดทนตลอดวันด้วยไพรเมอร์จาก Maybelline New York ที่มีเนื้อสัมผัสแบบครีมเจล บางเบา พร้อมช่วยคุมความมันถึง 16 ชั่วโมง ให้ฟินิชลุคผิวแมตต์นานตลอดวัน แต่ยังรู้สึกชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF20
- Benefit The Pore Fessional Pro Balm to Minimize (ราคา : 1,450 บาท / 22 ml)
หนึ่งในไพรเมอร์ที่ฮอตฮิตที่สุด สำหรับไพรเมอร์เนื้อบาล์มจาก Benefit ที่มีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ และซึมซาบสู่ผิวได้เป็นอย่างดี ช่วยอำพรางรูขุมขน พร้อมควบคุมความมัน และปรับผิวให้ดูเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
3. ไพรเมอร์เนื้อเอสเซ้นส์ (Essence Primer)
ถัดมาเป็นไพรเมอร์เนื้อเอสเซ้นส์ที่มีจุดเด่นคือเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเหลวและบางเบา สามารถใช้เป็นเซรั่มสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงได้ โดยจะช่วยปรับผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ทำให้สามารถลงงานผิวได้ง่ายและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำมาผสมกับรองพื้นเพื่อเพิ่มความสมูทได้ด้วยน้าา
เหมาะกับ : คนผิวผสม-ผิวมัน
ไพรเมอร์เนื้อเอสเซ้นส์ ยี่ห้อไหนดี?
- Laura Mercier Pure Canvas Primer Perfecting (ราคา : 1,790 บาท / 50 ml)
ไพรเมอร์เนื้อเอสเซ้นส์ที่ช่วยในการเตรียมผิวให้เรียบเนียนก่อนแต่งหน้าเพื่อให้เมคอัพติดทนนาน มาพร้อมสารสกัดจาก GREEN TEA EXTRACT ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก และวิตามินซีช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส
- Huxley Priming Essence Radiance Layer (ราคา : 1,350 บาท / 30 ml)
ไพรเมอร์ที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบ 2in1 โดยเป็นทั้งไพรเมอร์ที่ช่วยปรับผิวให้เรียบเรียนก่อนแต่งหน้า และเอสเซ้นส์บำรุงผิวให้ขวดเดียว ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ปรับผิวให้กระจ่างใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื้นตลอดวัน รวมถึงล็อคเมคอัพให้ติดทนนาน ปราศจากซิลิโคน และแอลกอฮอล์
4. ไพรเมอร์เนื้อออยล์ (Oil Primer)
สำหรับไพรเมอร์เนื้อออยล์จะมีลักษณะเหมือนน้ำมันบำรุงผิวหน้า แต่จะเพิ่มคุณสมบัติเรื่องความติดทนและช่วยเบลอผิวให้เรียบเนียนเข้ามา เหมาะสำหรับคนผิวแห้งถึงแห้งมาก แต่ไม่แนะนำสำหรับคนผิวผสมและผิวมัน เพราะอาจจะทำให้ผิวมันเยิ้มและเสี่ยงต่อการอุดตันได้ง่าย
เหมาะกับ : คนผิวแห้ง-แห้งมาก
ไพรเมอร์เนื้อออยล์ ยี่ห้อไหนดี?
- Smashbox Photo Finish Primer Oil (ราคา : 3,577 บาท / 30 ml)
ไพรเมอร์เนื้อออยล์ศุตรบางเบาพิเศษ เกลี่ยง่าย ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิว ช่วยเตรียมผิวให้เรียบเนียนก่อนแต่งหน้า มาพร้อมสารสกัดจากพืชและน้ำมันหอมระเหยที่อุดมไปด้วยไขมัน 15 ชนิด ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ฉ่ำโกลว์ และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- City Color Primer Oil (ราคา : 320 บาท / 25 ml)
ไพรเมอร์เนื้อออยล์ที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบมัลติฟังก์ชั่น นอกจากจะใช้ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้บำรุงได้ทั้งผิวกายและเส้นผม ในส่วนของเนื้อสัมผัสมีความบางเบา ไม่เหนอะหนะ และอุดมไปด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงผิว
5. ไพรเมอร์เนื้อเซรั่ม (Serum Primer)
ไพรเมอร์เนื้อเซรั่มจะมีความคล้ายคลึกกับไพรเมอร์เนื้อเอสเซ้นส์ แต่แตกต่างกันตรงที่ไพรเมอร์เนื้อเซรั่มจะมีเนื้อสัมผัสที่เหลว บางเบา และซึมไวกว่า ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นแต่กังวลเรื่องความเหนียวเหนอะหนะ โดยเค้าจะช่วยบำรุง พร้อมปรับผิวให้เรียบเนียน ทำให้สามารถแต่งหน้าได้ง่ายและติดทนนานยิ่งขึ้น
- เหมาะกับ : คนผิวผสม-ผิวมัน
ไพรเมอร์เนื้อเซรั่ม ยี่ห้อไหนดี?
- Jill Stuart Illuminating Serum Primer (ราคา : 1,000 บาท / 30 ml)
เจ้าตัวนี้เค้าเป็นทั้งเบสและไพรเมอร์ในขวดเดียว โดยเป็นสูตรพิเศษที่ผสมประกายมุกและผงเพชร เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส ฉ่ำวาว และเบลอรูขุมขนให้ผิวดูเรียบเนียน แต่ไม่อุดตันผิว เพราะไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน แอลกอฮอล์ และพาราเบน
- Hourglass Nº 28™ Primer Serum (ราคา : 1,100 บาท / 8 ml)
ไพรเมอร์เนื้อเซรั่มบางเบาที่อุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารบำรุงผิวถึง 28 ชนิด ที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น พร้อมอำพรางริ้วรอย และรูขุมขนต่างๆ ให้ผิวดูเรียบเนียนไร้ที่ติ โดยไม่มีส่วนผสมของพาราเบน แป้ง น้ำหอม และกลูเตน
สาว ๆ คนไหนมีปัญหารูขุนขนกว้าง แต่งหน้าแล้วไม่เรียบเนียน แนะนำให้มองหาไพรเมอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองมาลองใช้กันดูนะคะ นอกจากจะช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้นแล้ว เค้ายังช่วยล็อคเมคอัพให้ติดทนยิ่งขึ้นด้วย
สำหรับคนหน้ามันที่กำลังมองหาไพรเมอร์ดี ๆ สักตัวอยู่ละก็ ตามมาอ่านรีวิว 12 ไพรเมอร์คุมมัน เบลอรูขุมขนกันต่อได้เลยค่าา~