ไม่หน้าใสสักวันมันจะอยู่ไม่ได้ใช่มั้ย! บอกเลยว่าอยู่ไม่ด้ายยย เพราะความสวยมันมาพร้อมความกระจ่างใส ไม่ขาวก็ได้ ขอผิวใสให้ข้างบ้านตะลึงว่าแอบเลี้ยงผีกะไว้เลียหน้ารึเปล่าก็ยังดี วันนี้ *Cosmenet เลยจะมาแจกสูตรบูสต์ผิวใสด้วยของที่หาได้ง่าย ๆ เป็นสูตรมาส์ก สูตรโทนเนอร์ที่ทำได้เองด้วยของที่มีอยู่ในครัว เอาให้ผิวใสแบบไม่ต้องพึ่งภูติผีเหมือนผิวดีแต่กำเนิดไปเลอ จะมีสูตรไหนบ้างไปดูกันนน ~
สูตรบูสต์ผิวไบร์ทด้วยตัวเอง หน้าใสปลอดภัยกว่าเลี้ยงผีกะ!
1. หน้าใสด้วยมาส์กกะหล่ำปลี
มาส์กหน้าสูตรภูมิปัญญาชาวบ้านด้วยกะหล่ำปลีกันค่าาา หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในกะหล่ำปลี มีวิตามินซี ที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีส่วนช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น มาพร้อมกับวิตามินเค ช่วยลดความหมองคล้ำ รอยช้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียนสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น แถมมีกรดโฟลิกที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้งกร้านได้ด้วย พอกปุ้บสวยใสปั๊บเหมือนเลี้ยงผีกะเลยค่ะซิส
อยากหน้าใสผิวชุ่มชื้นลองพอกหน้าด้วยกะหล่ำปลีสูตรนี้เลย!
- เลือกกะหล่ำปลีใบเขียวที่หัวไม่ใหญ่มาก ใช้ประมาณ 5-10 ใบ หรือ 1/4 หัว
- ล้างกะหล่ำปลีให้สะอาด แนะนำว่าล้างทีละใบไปเลยนะคะ
- หั่นกะหล่ำปลีให้เป็นฝอยหรือชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในเครื่องปั่น ถ้าไม่มีเครื่องปั่น ก็สับให้เล็กที่สุดค่ะ
- ผสมกะหล่ำปลีกับโยเกิร์ตแล้วปั่นรวมกันจนเข้าเนื้อ
- ทามาส์กกะหล่ำปลีลงบนผิวหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ 15-20 นาที
- จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น และปิดท้ายด้วยน้ำเย็นค่ะ
วิธีนี้บอกเลยว่าผิวใสหน้าไบร์ทขึ้นเหมือนผีกะมาเลียหน้าเลยค่ะซิสสส ด้วยกรดจากโยเกิร์ตและวิตามินต่าง ๆ ในเซลล์กะหล่ำปลี จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นในทันที แต่แนะนำว่าให้ล้างหน้าให้สะอาด และคนผิวแพ้ง่ายควรเทสก่อนนะคะว่าผิวจะอุดตันหรือระคายเคืองเพราะโยเกิร์ตมั้ยย
2. ผิวใสด้วยน้ำซาวข้าวแบบวิถีชาวญี่ปุ่น
ภูมิปัญญาชาวบ้านของคนญี่ปุ่นเขาอินกับการใช้ข้าวและสารสกัดจากข้าวในการบำรุงผิวมาก เพราะก็ต้องยอมรับว่าข้าวญี่ปุ่นเขายืนหนึ่งทั้งความอร่อยและคุณปนะโยชน์จริง ๆ แต่ข้าวไทยอย่างข้าวหอม และข้าวไรซ์เบอร์รี่ในท้องที่เราก็มีประโยชน์ไม่แพ้กันนะคะ เพราะมีสารอาหารและสารลดความตึงผิว พร้อมทั้งกรดอะมิโนที่ดีต่อผิว ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำขึ้น แถมชะลอวัยได้ด้วย งั้นไปดูวิธีบำรุงผิวหน้าให้ใสฉ่ำเหมือนผีกะเลียหน้าด้วยน้ำซาวข้าวกันเล้ยย!
วิธีเตรียมน้ำซาวข้าวเพื่อใช้บำรุงผิว
- ล้างมือให้สะอาด ตักข้าวใส่หม้อหุงข้าว สามารถเลือกใช้ข้าวหอม หรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ก็ได้
- ใช้น้ำกรองหรือน้ำดื่มในการซาวข้าว โดยล้างรอบที่ 1 ให้นานหน่อย และเทน้ำซาวข้าวรอบที่ 1 ทิ้ง
- เติมน้ำสำหรับการซาวรอบที่ 2 เช็กดูว่ามีสิ่งสกปรกลอยอยู่มั้ย ถ้าไม่มีถือว่าสะอาดใช้ได้
- เตรียมชามหรือถ้วย และวางผ้าขาวบางไว้บนภาชนะที่ใช้ จากนั้นเทน้ำซาวข้าวรอบที่ 2 ลงไป เพื่อกรองน้ำซาวข้าว
- จากนั้นเทน้ำซาวข้าวใส่ขวด หรือใส่ภาชนะที่ปิดได้มิดชิด นำไปแช่ตู้เย็นให้ตกตะกอน
- นำมาเทใส่ขวด ใช้กับสำลีเพื่อชุบแล้วทาให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้เหมือนเป็นโทนเนอร์ธรรมชาติ
- ใส่ขวดสเปรย์ ฉีดพ่นบนใบหน้าระหว่างวันเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นตลอดวัน
3. สูตรผิวนุ่มฟูด้วยน้ำมะเขือเทศวันละ 1 แก้ว
การดื่มน้ำมะเขือเทศหลังอาหารวันละ 1 แก้ว สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใส นุ่มฟู และเรียบเนียนขึ้นได้จริงแบบไม่ต้องอิงผีกะผีไหนมาเลียหน้าเล้ยยย เพราะในมะเขือเทศ มีไลโคปีน วิตามินซี วิตามินเอ ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระจ่างใสจากภายใน และช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้ด้วย
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยทำชาเลนจ์ดื่มน้ำมะเขือเทศติดต่อกัน 1 เดือน รู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าและผิวกายค่อนข้างอิ่มฟูขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง อาจไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวจนเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่ผิวดีขึ้นกว่าที่เคยจริง ๆ ค่ะ
สูตรทำน้ำมะเขือเทศด้วยตัวเอง ดื่มให้ผีกะงงว่าจะเลี้ยงฉันทำไม ผิวเธอดีอยู่แล้ว!
- เลือกมะเขือเทศที่ผิวสวย ไม่ช้ำ
- นำมาล้างให้สะอาดด้วยเกลือหรือเบกกิ้งโซดา
- ต้มน้ำให้เดือด โดยปริมาณน้ำกะเอาให้ท่วมมะเขือเทศที่จะใช้ค่ะ เหมือนต้มไข่เลย
- เมื่อน้ำเดือด ใส่มะเขือเทศ ลงไปต้มประมาณ 5-10 นาที
- จากนั้นตักมะเขือเทศออกจากน้ำร้อน และแช่ในน้ำเย็นเพื่อหยุดการสุก
- เมื่อมะเขือเทศเย็นลงแล้ว นำขึ้นมาลอกเปลือกออก
- จากนั้นผ่ามะเขือเทศ และเอาเมล็ดออก
- นำมะเขือเทศลงในเครื่องปั่น และเติมน้ำเปล่าตามความเข้มข้นที่ต้องการ ใส่เกลือ และน้ำตาลทรายตามชอบ
- ปั่นจนเนื้อมะเขือเทศละเอียดผสมกับน้ำเป็นเนื้อเดียวกัน
- กรองด้วยกระชอนเพื่อกรองเนื้อมะเขือเทศชิ้นใหญ่ ๆ ออกไปจะได้ดื่มง่าย
- สามารถเทใส่แก้ว และดื่มได้ทันที และสามารถเก็บในตู้เย็นได้ 1-2 วัน
ข้อสำคัญในการดื่มน้ำมะเขือเทศ ควรดื่มหลังอาหาร จะได้ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และหากน้ำมะเขือเทศมีรสชาติหรือกลิ่นที่แปลกไปจากเดิม แนะนำให้หยุดดื่มและทำใหม่จะดีกว่าค่ะ
สำหรับคนไม่มีเวลา สามารถเลือกซื้อน้ำมะเขือเทศแบบกล่องหรือแบบขวดที่โซเดียมน้อย และน้ำตาลน้อย จะดีต่อผิวมากกว่าแบบที่ผสมน้ำตาล หรือผสมน้ำผลไม้อื่น ๆ นะคะ
4. สูตรหน้าใสไร้ฝ้ากระด้วยใบตำลึง
ต่อมาสูตรหน้าใสไร้สิวฝ้าด้วยใบตำลึง นอกจากในใบตำลึงจะมีวิตามินเอและวิตามินซ๊แล้ว ยังมีเบต้าแคโรทีน ช่วยชะลอวัย ป้องกันผิวจากแสงแดด และทำให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส พร้อมกับสังกะสีที่ช่วยสมานแผลและลดการอักเสบ รวมถึงมีส่วนช่วยลดการเกิดสิวได้
วิธีการพอกหน้าด้วยใบตำลึง ภูมิปัญญาชาวบ้านให้หน้าใสไร้ฝ้า ~
- นำใบตำลึง 1 กำมือมาล้างให้สะอาด
- ใช้มือขยำ ๆ ให้ใบแตกละเอียดจนมีน้ำออกมา
- ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำข้นสีเขียว
- นำมาผสมกับดินสอพอง หรือโยเกิร์ตและนำมาพอกหน้านิ้งไว้ 20 นาที
- จากนั้นล้างออกให้สะอาด และหมั่นทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวเปล่งปลั่งได้ง่าย ๆ เลยค่าา
ข้อควรระวังในการพอกหน้าด้วยตำลึง คือ อย่าให้น้ำตำลึงกระเด็นเข้าตา เพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้ ใครที่ผิวแพ้ง่าย ให้ลองป้ายน้ำตาลึงที่สันกรามดูก่อนน้าา เผื่อผิวเราอาจจะไม่ถูกกับตำลึงได้ค่ะ
5. สูตรหน้าใสด้วยแครอทและน้ำผึ้ง
จบกันที่แครอท ผักหาง่าย และน้ำผึ้งที่เก็บได้นานเว่อออ หลาย ๆ บ้านน่าจะต้องมี สูตรผิวใสด้วยแครอทผสมน้ำผึ้งก็ทำง่ายมาก แถมในแครอทยังมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวไบร์ทขึ้น มาพร้อมกับน้ำผึ้งที่เป็นสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ ช่วยสมานแผล และลดการอักเสบของผิว แถมต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้ด้วย
วิธีการทำมาส์กแครอทน้ำผึ้งให้ผิวใสเหมือนผีกะเลียหน้าก็ง่าย ๆ แค่นี้เลออ!
- ล้างแครอท 1 หัวเล็ก และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่เครื่องปั่น
- เทน้ำผึ้งแท้ 2-3 ช้อนโต๊ะ และปั่นผสมกับแครอทจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
พอกหน้าด้วยสูตรนี้สักอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยลดรอยแผลเป็น จุดด่างดำ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอกัน บอกลาผิวหมองคล้ำไปได้เล้ยย
เรื่องเล่าแปลก ๆ ในการเสริมความงาม
1. เลี้ยงผีกะ
เ
รื่องแปลก ๆ ในการเสริมความงามที่มีมาตั้งแต่โบราณ สืบทอดมาจากวัฒนธรรมล้านนา เชื่อกันว่าผีกะเป็นวิญญาณที่ช่วยเสริมเรื่องความงาม เสน่หา และโชคลาภความร่ำรวย ผู้ที่เลี้ยงผีกะหรือพึ่งพาพลังของสิ่งลี้ลับนี้ จะสวยขึ้น ดูมีเสน่ห์ผิดไปจากเดิม ดูเย้ายวนดึงดูดเพศตรงข้าม ทำให้ผู้เลี้ยงมีเสน่ห์ เมตตามหานิยม สวยผุดผ่อง ไม่แก่ ไม่เฉา ออร่าจับอยู่ตลอด
2. บำรุงผิวด้วยน้ำส้มสายชู
ในศตวรรษที่ 17 ค่านิยมผิวซีดผิวเผือก เป็น beauty standard แบบสุด ๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารตะกั่วและน้ำส้มสายชู ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยให้ผิวขาวววววว ออร่ากว่าคนอื่นได้อย่างทันใจ แต่อย่างที่ทราบกันว่าน้ำส้มสายชู ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับผิว จึงช่วยให้ขาวได้แค่ช่งแรก ใช้ไปนาน ๆ ผิวก็กลับกลายเป็นโทนเหลืองไม่ขาวแบบที่ต้องการอยู่ดีค่าา
3. สารหนูใช้แล้วผิวสวย
แน่นอนว่าความแปลกนี้เริ่มกันในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงที่มีโรครบาดและคนเสียชีวิตเยอะมากจากสารหนู เพราะคนคิดว่าสารหนูจะช่วยให้ผิวมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง อกผายสะโพกแน่นดูมีทรวดทรง แถมช่วยให้นัยตาใสแป๋วดูมีเสน่ห์ จึงทานกันเป็นอาหารเสริมไปเลยย แต่การมีสารหนูสะสมในร่างกายเยอะโดยเฉพาะในต่อมไทรอยด์ ก็ก่อให้เกิดโรคคอพอกและเสียชีวิตลงในที่สุดค่ะ
4. การกัดปากและบีบแก้มให้เลือดฝาด
ในยุควิคตอเรีย สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ได้ประกาศห้ามประชาชนใช้เครื่องสำอางค์ไปเลยย ด้วยเหตุผลส่วนตัว ทำให้สาว ๆ ยุคนั้นไม่สามารถหาซื้อเครื่องสำอางได้ แต่ความสวยความงามมันหยุดกันไม่ได้ ก็เลยใช้วิถีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้เป็นประโยชน์ โดยสาว ๆ จะหยิกแก้มตัวเอง และกัดปากตัวเองให้เกิดเลือดฝาด ดูเป็นสาวสุขภาพดีผิวเปล่งปลั่งแบบธรรมชาติไปเล้ยย
5. การกินรกจะช่วยให้ผิวสวย
จะเรียกว่าเป็นเรื่องแปลก ๆ หรือเป็นวิวัฒนาการของความงามก็ได้ เพราะในสมัยก่อนถ้าไปบอกใครว่ากินรกตัวเอง กินรกเด็ก หรือกินรกของสัตว์ให้ผิวสวย คงจะโดนล่าแม่มดหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบแน่ ๆ แต่ในยุคปัจจุบันได้มีการวิจัยแล้วว่ารกของสัตว์บางชนิดมีส่วนช่วยชะลอวัย ฟื้นฟูผิว และบำรุงผิวได้จริงด้วยคุณประโยชน์มากมาย เช่น รกแกะ ที่ปัจจุบันเป็นสารสกัดทั้งในสกินแคร์ และอาหารเสริมนั่นเองค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย กับวิธีบูสต์ผิวใสแบบไม่ต้องพึ่งพลังไสยศาสตร์ เกิเป็นผู้หญิงนี่มีเรื่องให้ทำไม่ใช่น้อยเลยเนาะ ใครสะดวกวิธีไหนสูตรไหนก็ไปลองใช้กันได้เลยย ทุกสูตรคือออแกร์นิคสุด ๆ ใช้แต่ผักผลไม้ และของที่หาได้ง้ายยง่าย ใครมีทริคหน้าใสที่น่าสนใจอีก ก็มาคอมเมนท์แชร์กันได้น้าาา ~~
ใครไม่ใช่สาย D.I.Y แต่อยากผิวไบร์ทผิวแข็งแรงก็ไปดูไอเทมที่น่าสนใจกันได้ที่นี่เลย