แพ็กเกจ :ชอบดีไซน์ขวดนะคะ สวยดี แล้วก็หัวดรอปเปอร์เป็นแบบกดฝา ใช้สะดวก แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าเหลือก้นขวดจะดูดออกมายากหรือเปล่าเนื้อสัมผัส :เอสเซนส์สีขาวขุ่น เนื้อเข้มข้น มีความหนืดเล็กน้อย ไม่ไหลเหมือนน้ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ (ใส่น่ำหอม ใครแพ้ต้องระวังค่ะ)ทาลงบนผิวแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น ต้องใช้เวลาสักพักในการซึมเข้าผิว แต่ไม่เหนอะหนะผลลัพธ์ :หลังใช้ทันที - ให้ความชุ่มชื่น ช่วยให้ผิวฟูอิ่มน้ำหลังใช้ 7 วัน - ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูเนียนนุ่มขึ้น เรื่องริ้วรอยยังไม่เห็นผล อาจจะต้องใช้ต่อเนื่องประมาณ 1 -2 เดือน

ได้แป้งมาลองใช้~~~ ชื่อ : เดอ ลีฟ ทานาคา ดูโอ ทรานซ์ลูเซนท์ ลูซพาวเดอร์ มี 2 สี 2 เนื้อในตลับเดียว 1. แป้งโทนเหลือง ผสมสารสกัดทานาคา เนื้อแมท คุมมัน 2. แป้งโทนชมพู ผสมสารสกัดจากทับทิม เนื้อชิมเมอร์ ให้ความกระจ่างใส ความดีงามคือกลไลการเปิดตลับให้แป้งออกมานี่แหละ เพราะเค้าทำแบบให้บิดเลือกเนื้อแป้งได้ 3 แบบเลย - บิด 1 ครั้ง ได้แป้งสีเหลือง - บิด 2 ครั้ง ได้แป้งสีชมพู - บิด 3 ครั้ง ผสมกัน   ส่วนตัวชอบเนื้อแป้งสีเหลืองมากกว่าค่ะ เพราะเนื้อเบา โปร่งแสง ใช้เซ็ตรองพื้นได้เลย ทำให้ผิวดูเนียนขึ้น ควบคุมความมัน ตอนเช้าจะใช้แค่สีนี้อย่างเดียวค่ะ สำหรับแป้งสีชมพู จะเป็นเนื้อชิมเมอร์ เราทาสีเดียวแล้วไม่รอดค่ะ ปกติหน้าก็มันมากอยู่แล้ว ทาสีชมพูปุ๊บดูวาวกว่าเดิมเท่าตัวเลย ค้นพบว่าใช้แป้งสีชมพูเล็กน้อยผสมกับแป้งสีเหลือง เติมหน้าระหว่างวันจะดีกว่าใช้เดี่ยวๆค่ะ ช่วยลดความมันวาว ทำให้ผิวกระจ่างใส และดูเฟรชขึ้นค่ะ โดยรวมค่อนข้างชอบนะคะ ตอนนี้ใช้ทุกวันเลย แต่ข้อเสียสำหรับเราคือแป้งสีเหลืองจะหมดก่อนสีชมพูแน่นอน

ใช้มาตั้งแต่เด็กค่ะ ชอบสูตรนี้ที่สุดแล้ว ใช้ทาผิวหลังอาบน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น ช่วงหน้าหนาวใช้แค่เบบี้ออยล์+โลชั่น ก็เอาอยู่ค่ะ

ได้ครีมทาฝ้า Concept Anti-Melasma Cream จาก cosmenet มาลองใช้ หลังจากใช้ได้ประมาณ 3 สัปดาห์เลยมารีวิวให้เพื่อนๆดูค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นครีมสีขาว เนื้อค่อนข้างหนัก มีความชุ่มชื่น คนผิวแห้งก็ใช้ได้นะคะ สำหรับคนผิวมันอาจจะรู้สึกหนึบเล็กน้อย ต้องเกลี่ยดีๆ และรอให้ซึมสักพักแล้วค่อยทาครีมกันแดดต่อไปค่ะ กลิ่น : กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนเป็นกลิ่นจากส่วนผสมนะคะ ไม่มีกลิ่นน้ำหอมฉุนๆ หรือแอลกอฮอล์ ผลลัพธ์ : จริงๆนางเป็นครีมที่เน้นดูแลเรื่องฝ้าโดยเฉพาะ แต่เราไม่มีฝ้าค่ะ มีปัญหาเรื่องรอยดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอมากกว่า เลยหวังผลในเรื่องของการเป็นไวท์เทนนิ่ง ซึ่งผิวก็ดูกระจ่างใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ รอยดำจางลงเล็กน้อย อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ถึงจะเห็นชัดว่าช่วยลดรอยดำได้มากแค่ไหน ตอนนี้พอใจในเรื่องผิวสว่างขึ้น ป้องกันการหมองคล้ำ ลดการเกิดรอยดำใหม่ๆได้ ใครที่มีปัญหาเรื่องฝ้า จุดด่างดำ ต้องการครีมไวท์เทนนิ่งที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นด้วย ควรลองค่ะ

อันนี้ดีนะ ล้างออกง่าย ไม่เป็นคราบขาว ไม่ทำให้เล็บเหลือง ใช้แล้วผิวบริเวณรอบๆเล็บไม่แห้งด้วย ซื้อจากช้อป ราคาไม่แพงค่ะ ป.ล. ใช้ขวดสีชมพู

เนื้อครีมให้ความชุ่มชื่นได้ดี แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยบำรุงมือและเล็บให้สุขภาพดี สาวๆที่ทำงานในห้องแอร์ควรมีค่ะ

เฉดสี : O-03 มีสีให้เลือกเยอะมากกกก แนะนำให้ไปลองที่เคาน์เตอร์แบบลงบนหน้าเลยนะ จะได้สีที่ตรงกับผิวที่สุดค่ะ เนื้อรองพื้น : เนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้น บีบลงหลังมือก็ไม่ไหลนะคะ แต่เกลี่ยง่าย จะใช้มือ, ฟองน้ำ หรือแปรงเกลี่ยก็ได้ (ส่วนตัวชอบใช้แปรงค่ะ ให้ความเป็นธรรมชาติดี) การปกปิด : ให้การปกปิดระดับกลางค่ะ ปกปิดรูขุมขน, รอยดำ และริ้วรอยตื้นๆได้โดยไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์ สามารถทาซ้ำเพื่อเพิ่มระดับการปกปิดได้ ถ้าใช้รองพื้น+แป้งฝุ่นจะให้ลุคบางเบาเป็นธรรมชาติ ใช้ได้ในชีวิตประจำวันค่ะ สำหรับงานกลางคืนแนะนำลงคอนซีลเลอร์+รองพื้น+แป้งผสมรองพื้น เนียนเป๊ะ เอาอยู่ ความติดทน : ทาลงบนผิวแล้วเบาสบาย ไม่เหนอะหนะ รูปนี้ถ่ายตอนเย็นค่ะ รองพื้นยังอยู่ครบนะ รุ่นใหม่นี้สีไม่ดรอปด้วย เลือกสีพอดีผิวได้เลย ไม่ต้องเผื่อค่ะ เราผิวมันมาก ทำงานห้องแอร์ ก็ติดทนทั้งวัน ไม่เป็นคราบนะคะ ช่วงบ่ายจะเริ่มมันตรงทีโซน แค่ใช้กระดาษซับมันก็เอาอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าออกกลางแจ้งจะมันเร็วกว่านี้ ต้องซับมันและปัดเแป้งฝุ่นบางๆทับอีกทีค่ะ เป็นรองพื้นที่เหมาะกับคนผิวมันมาก สามารถใช้ให้เป็นลุคธรรมชาติหรือเน้นปกปิดให้เรียบเนียนก็ได้ค่ะ

สกินแคร์สามัญประจำบ้าน ที่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งตลอด!!! ใช้ต่อเนื่องมาหลายขวด ช่วยชีวิตผิวได้ดีมากค่ะ เนื้อสัมผัส: เอสเซ้นส์แบบน้ำ มีความหนืดเล็กน้อย น้อยมากๆค่ะ สีขุ่นเพราะมีตะกอนของแพลงก์ตอนผสมอยู่ กลิ่น: กลิ่นค่อนข้างฉุน ประหลาดๆ อารมณ์แบบกลิ่นของหมัก คิดว่าน่าจะมาจากแพลงก์ตอน แต่ยังรับได้อยู่ พอใช้ไปสักพักก็จะชินค่ะ #8DAYSTOBELIEVE วันที่ 1: ลองใช้ครั้งแรกรู้สึกว่ามีความชุ่มชื่นมาก คือ ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะซึมเข้าผิวหมด ทิ้งความฉ่ำไว้บนผิวเล็กน้อย แอบกังวลเพราะเราผิวมันค่ะ วันที่ 8: เริ่มกะปริมาณการใช้ถูก ช่วงเช้าจะใช้ในปริมาณน้อยๆ เน้นใช้ช่วงกลางคืนโดยใช้ปริมาณค่อนข้างมาก ตบเบาๆและนวดกดจุดไปทั่วหน้าด้วย เห็นได้ชัดว่าผิวอิ่มฟู ชุ่มชื่น อาการผิวลอกเป็นขุย ระคายเคือง และรอยแดงลดลง ผลลัพธ์: ตัวนี้หลักๆเลยคือ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นค่ะ ผิวชุ่มชื่น ลดการระคายเคือง พิสูจน์มากับตัวคือเอามาใช้หลังเลเซอร์ซึ่งผิวแสบแดงมาก หมอให้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพียวๆ เน้นความชุ่มชื่น งดใช้สกินแคร์ที่เป็นไวท์เทนนิ่ง เลยลองเอา Biotherm Life Plankton Essence มาใช้ ลดอาการแสบแดงได้ดี ช่วยให้สะเก็ดหลุดง่ายโดยไม่รู้สึกตึงผิว ประทับใจมากกกก ตั้งแต่นั้นก็ใช้มาตลอด เป็นสกินแคร์หลักเลยค่ะ วันไหนง่วงจัด ขี้เกียจบำรุง อย่างน้อยๆก็ต้องใช้ตัวนี้ ตัวเดียวเอาอยู่เลยค่ะ เลิฟๆ

ล้างสะอาด ไม่เห็นผลเรื่องลดสิวเท่าไหร่ แต่ไม่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม ใช้ได้เรื่อยๆ

หลังล้างหน้า รู้สึกแห้งตึงมาก เหมาะกับคนผิวมันมากๆเท่านั้น แต่ฟองหนานุ่มจริง

หอมดี ผมนุ่มลื่น ไม่พันกันด้วย

ช่วยได้มากในวันที่ไม่ได้สระผม รู้สึกสดชื่นขึ้นนะ