กลับจากทริปปีใหม่มา หน้าพังแบบกู่ไม่กลับเลยจ้า ทั้งตระเวนเที่ยวจนดึก แล้วยังต้องตื่นแต่เช้า ปาร์ตี้ติด ๆ กันไม่ยั้ง จากหน้าใส ๆ ที่บำรุงไว้อย่างดีช่วงก่อนสิ้นปี ตอนนี้ ไม่เหลือเค้าเดิมซะแล้ว
วันนี้ *cosmenet เลยจะพาสาว ๆ มาทำความรู้จักกับกรดไฮยาลูรอนิค ที่สามารถช่วยกู้หน้าพังให้คุณได้ จะดีขนาดไหน แล้วหาจากที่ไหนได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
นอกจากกรดไฮยาลูรอนิคจะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีแบบที่สาวๆ ใฝ่ฝันแล้ว ยังสามารถทำให้ผิวของคุณดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย เพราะมันมีคุณสมบัติที่สามารถดูดน้ำเข้ามาเก็บไว้ในตัว ทำให้ผิวนุ่มเด้ง เหมือนกับผิวของเด็กๆ นั่นเอง
ซึ่งกรดไฮยาลูรอนิคนี้ ก็ไม่ได้มีเฉพาะแค่บนใบหน้า แต่ยังมีอยู่ตามข้อต่อ และเนื้อเยื่อต่างๆ เพราะมันทำหน้าที่ลดอาการอักเสบได้ดีมากเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า เมื่อร่างกายอายุมากขึ้น กระบวนการผลิตกรดไฮยาลูรอนิคก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ ด้วย
มาดูกันดีกว่าว่า นักวิทยาศาสตร์เค้าจะสามารถเอากรดไฮยาลูรอนิคไปผสมกับอะไรได้บ้าง เพื่อมาช่วยเสริมความงามให้ผิวเราสวยใส ดูอ่อนกว่าวัยไปอีกนาน ๆ ค่ะ
ใครปาร์ตี้หนักแล้วน้องสิวโผล่ รีบรักษาแล้วหากรดไฮยาลูรอนิคมาแต้มเลยค่ะ เพราะแผลสิวที่เป็นรอยดำน่าเกลียดและหายช้ามาก สามารถบรรเทาได้ด้วยครีมแต้มสิวที่ผสมกรดไฮยาลูรอนิคนี่แหละค่ะ
ด้วยความสามารถในการอุ้มน้ำอันเหลือเชื่อของมัน เมื่อมาเจอกับกับคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวของเรา ก็ยิ่งช่วยซ่อมแซมรอยสิวเจ้าปัญหาได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ซึ่งนอกจากแผลสิวแล้ว กรดไฮยาลูรอนิคก็ช่วยลดการอักเสบของผิวจากแสงแดดได้ด้วย เพียงใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิค ก็สามารถกู้ชีพผิวที่พังเพราะรังสี UV พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างมากมายอีกด้วยค่ะ
อย่างที่บอกไปว่า เมื่อเราอายุประมาณ 18-20 ปี ร่างกายจะเริ่มสร้างกรดไฮยาลูรอนิคน้อยลงทีละนิด จนไปถึงวันที่เราอายุถึงเลข 4 ร่างกายก็แทบจะไม่ผลิตกรดแสนสำคัญตัวนี้ออกมาให้เราอีกแล้ว
แก้มที่เคยป่องก็จะกลายเป็นหน้าวีแบบเหี่ยวๆ รอยลึกสองข้างแก้มก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ ริ้วรอยบนผิวหน้าและลำคอก็มา แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ มีสกินแคร์มากมายที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิคมาช่วยเติมเต็มให้กับผิวของคุณ
ซึ่งหลายผลิตภัณฑ์จะแบ่งประเภทของกรดไฮยาลูรอนิคด้วยขนาดของโมเลกุล ยิ่งโมเลกุลขนาดเล็กก็ยิ่งช่วยให้กรดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่าแต่จะอยู่ในร่างกายได้ไม่นานเท่าโมเลกุลขนาดใหญ่นะคะ
มีงานวิจัยบอกว่า เมื่อใช้สกินแคร์ที่มีกรดไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนผสมติดต่อกันประมาณ 1 เดือน จะทำให้ผิวกระชับขึ้นประมาณ 20% และเมื่อใช้ต่อไปอีก 60 วัน จะพบว่าริ้วรอยของผิวตื้นขึ้น และผิวละเอียดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อีกวิธีที่อยากแนะนำก็คือ ลองใช้กรดไฮยาลูรอนิคควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อผิว ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของมันให้ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสาวๆที่ผ่านหลักสี่มาแล้ว หากอยากจะลบรอยลึกข้างแก้ม ก็ไปหามาใช้กันเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องโดนเรียกป้าให้สะเทือนใจ
ถ้าสกินแคร์มันยังไม่ทันใจ ลองใช้ฟิลเลอร์แบบฉีดเข้าไปเลยดูมั้ยคะ ปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถสกัดกรดไฮยาลูรอนิคได้จากขนของไก่ และแบคทีเรียที่เลี้ยงในห้องทดลอง ซึ่งถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ จนได้แบคทีเรียที่ปลอดภัยและมีคุณภาพที่สุดแล้วในขณะนี้ค่ะ
ซึ่งการใช้กรดไฮยาลูรอนิคมาฉีดเติมร่องแก้มและริมฝีปาก รวมถึงปรับรูปหน้าให้สวยเต็ม ไม่มีริ้วรอยตามวัย ก็ต้องปรึกษากับคุณหมอที่มีเทคนิคดี ๆ และน่าเชื่อถือนะคะ จะไปฉีดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ
ข้อมูลจากศูนย์เลเซอร์ผิวหนังและศัลยกรรมผิวหนัง ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกไว้ว่า ในประเทศไทยเรามีเพียงกรดไฮยาลูรอนิคเท่านั้นที่ อย.ให้การรับรองเพื่อใช้เป็นสารเติมเต็มให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เนื่องจากเป็นสารที่ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และอยู่ในร่างกายได้นาน สลายไปเองได้นั่นเองค่ะ
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร รวมถึงผู้มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง คุณหมอไม่แนะนำให้ใช้กรดไฮยาลูรอนิคไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนก็ตามนะคะ เพราะคุณอาจไปเจอกับกรดไฮยาลูรอนิคที่ถูกสร้างขึ้นจากแบคทีเรีย จึงอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
แม้จะไม่มีหลักฐานว่าเคยเกิดอันตราย แต่ก็เป็นคำแนะนำจากคุณหมอที่ควรทำตามค่ะ ยังไงความปลอดภัยก็ต้องมาก่อน อดใจรอลูกโตอีกหน่อยก็จะได้ฟื้นฟูความสวยของคุณแม่แล้วค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ป่วยมะเร็งอีกหนึ่งกลุ่มค่ะ ที่คุณหมอไม่แนะนำให้ใช้ เพราะกรดไฮยาลูรอนิคจะไปทำให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจำนวนได้ อย่างไรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้สกินแคร์ชนิดอื่นๆ ด้วยนะคะ
และแม้การใช้กรดไฮยาลูรอนิคจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ควรเลือกชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำกว่า 2% เท่านั้น เพราะกรดชนิดนี้อาจทำให้คนที่มีผิวบอบบางเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ
รู้แบบนี้แล้ว รีบพลิกหาสกินแคร์ที่มีกรดไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนผสมมาช่วยกู้หน้าพังกันได้เลยนะคะ จะได้กลับมาสวยใสรับปีใหม่กันทุกคนยังไงล่ะ ( ͡~ ͜ʖ ͡°)