ทุกวันนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้า ผิวกาย รวมไปถึงเส้นผมมากมายเต็มไปหมด ทั้งจากโซเชียลเอง หรือคำบอกต่อจากคนรอบข้าง แต่รู้มั้ย? มีหลาย ๆ ข้อมูลที่เราเชื่อกันอาจไม่ถูกต้องก็ได้นะ ส่งผลให้การดูแลตัวเองผิดวิธีไปหม๊ด ดีไม่ดีอาจทำร้ายสภาพผิวและสุขภาพของเราโดยไม่รู้ตัว! วันนี้ Cosmenet* พาเข้าคลาส สกินแคร์101 รวม 10 ลิสต์ความเชื่อไหนควรดิลีทออก แล้วข้อมูลไหนคือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ ตามมาดูกันเลย!
10 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสกินแคร์
สกินแคร์ที่ต้องรู้ก่อนสาย! (สกินแคร์ 101)
1. "หน้ามันห้ามทามอยส์เจอไรเซอร์"
คนที่มีผิวมันมักคิดว่าการเติมความชุ่มชื้นจะทำให้หน้ามันกว่าเดิม ซึ่งแท้จริงแล้วสวนทางกันสุด ๆ เพราะที่ผิวมันนั้นเกิดจากการขาดน้ำ ทำให้ต่อมไขมันต้องผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลให้กับผิวหน้า หากไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เลย ผิวยิ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม จนทำให้หน้ามันเยิ้มอย่างที่เราเห็น ๆ กัน ทางที่ดีควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวมันที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาจะดีกว่า เช่น มอยเจอไรเซอร์เนื้อเจลหรือเนื้อโลชั่น เน้นให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่อุดตันรูขุมขน ผิวของเราจะได้ไม่ต้องผลิตน้ำมันเกินจำเป็นนั่นเอง
2. "ใช้สกินแคร์เยอะ ๆ ผิวจะดีขึ้น"
เราอาจเคยเห็นบิวตี้รูทีน 10 ขั้นตอนประโคมไปที่ผิวหน้ากันอยู่บ่อย ๆ แล้วคิดว่ายิ่งใช้เยอะ จะยิ่งช่วยเร่งให้ผิวดีขึ้นเร็วแน่นอน แต่ในความเป็นจริงนั้นการใช้สกินแคร์มากเกินจำเป็น ก็อาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองได้ หนำซ้ำส่วนผสมบางตัวอาจทำปฏิกิริยากันจนเกิดผลเสียได้อีก ทางที่ดีควรเริ่มจาก 3 ขั้นตอนพื้นฐาน (ล้างหน้าให้สะอาด >> เน้นเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ >> กันแดดเป็นประจำ) และค่อย ๆ เพิ่มสกินแคร์ลงโฟกัสตามปัญหาผิว โดยเริ่มจากสิ่งที่กังวลเป็นหลักก่อน
3. "ยิ่งใช้สกินแคร์แพง ยิ่งเห็นผลดี"
สกินแคร์ราคาแพงก็ใช้ว่าจะการันตีความเริ่ดเสมอไป เพราะตามจริงประสิทธิภาพของสกินแคร์นั้น มักขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเราซะมากกว่า ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวที่เราโดยตรงจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่า การใช้สกินแคร์ที่ราคาแพงแต่ไม่ตรงกับปัญหาผิว ง่าย ๆ สั้น ๆ คือเท่านี้ก็คือจบแล้วว
4. "เป็นสิวต้องล้างหน้าบ่อย ๆ"
หลายคนเข้าใจว่าการล้างหน้าบ่อย ๆ จะช่วยลดความมันและทำให้สิวลดลงได้ แต่ความจริงคือการที่เราล้างหน้ามากเกินไปนั้น จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นจนต้องผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดสิวดี ๆ นี่เอง ทางที่ดีควรล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) เท่านั้น และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวของเรามากที่สุด
5. "อายุน้อยไม่ต้องใช้สกินแคร์"
ถึงแม้ผิววัยเด็กและวัยรุ่นจะยังแข็งแรงก็จริง แต่แสงแดดและมลภาวะก็สามารถทำร้ายผิวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะรังสี UV ที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย การเริ่มใช้กันแดดตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ จะช่วยปกป้องผิวและทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน เพราะฉะนั้นใครบอกยังเด็กอยู่รีบใช้สกินแคร์ไปทำไม อันนี้ขอเถียงขาดใจเลยค่ะ
6. "เครื่องสำอางมี SPF ไม่ต้องใช้กันแดด"
หลายคนมองว่าแค่ใช้เมคอัพที่มี SPF ร่วมด้วยก็น่าจะเพียงพอสำหรับปกป้องผิวจากแสงแดด แต่แท้จริงแล้ว ปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการแต่งหน้าอาจไม่ได้มากพอที่จะปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะให้กันแดดจากรองพื้นได้เต็มที่ตามค่าที่ระบุบนขวด จะต้องใช้รองพื้นมากถึง 1-1.5 ช้อนชาเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่มีใครแต่งหน้าแล้วใช้เยอะขนาดนั้นจริงมั้ยย! ทางทีดีใช้กันแดดแยกออกมาดีกว่าเนอะ
7. “หน้าฝนไม่ต้องทาครีมกันแดด”
แม้ฝนจะตกฟ้าร้องท้องฟ้าครื้ม แต่หารู้ไม่รังสี UV ที่เรามองไม่เห็นนี่แหละ สามารถทะลุผ่านเมฆลงมาทำร้ายผิวได้ เป็นตัวการที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ ทำให้ผิวคล้ำเสียสะสมโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือร้ายแรงกว่านั้นอาจส่งผลต่อมะเร็งผิวหนังได้ในอนาคต ทางที่ดีไม่ควรวางใจ หยิบครีมกันแดดมาทาเป็นประจำและทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงจะดีกว่า ถือว่าเซฟ ๆ
8. "ผิวกายไม่จำเป็นต้องทามอยส์เจอไรเซอร์"
หลายคนมักให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวหน้า แต่ละเลยผิวกาย ซึ่งจริง ๆ แล้วผิวกายก็ต้องการความชุ่มชื้นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหลังอาบน้ำที่ผิวเกิดการสูญเสียน้ำ การไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เลย อาจทำให้ผิวแห้ง แตก เป็นขุย และเกิดอาการคันได้ ดังนั้นจึงควรใช้โลชั่นหรือบอดี้ครีมที่เหมาะกับสภาพผิว ทาทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ ในขณะที่ผิวยังคงชื้น ๆ อยู่ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้นานที่สุด
9. "ยิ่งสระผมบ่อย ผมยิ่งสะอาด"
สระผมบ่อยไม่ได้แปลว่าผมจะสุขภาพดีขึ้นเสมอไป เพราะการสระผมถี่เกินไป อาจทำให้หนังศีรษะแห้ง และกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นจนผมมันเร็วกว่าเดิม อีกทั้งสารซักฟอกในแชมพูอาจทำให้ผมแห้งเสียและขาดความชุ่มชื้นมากกว่าเดิม ทางที่ดีควรสระผมวันเว้นวัน หรือ 2-3 ต่อสัปดาห์ เอาตามตารางสระผมของแต่ละคนได้เลย แต่หากจำเป็นต้องสระทุกวันก็ให้แชมพูสูตรอ่อนโยนใช้แทนนะ
10. "หมักผมนาน ๆ จะทำให้ผมนุ่มขึ้น"
หลายคนมักคิดว่ายิ่งหมักผมนานมากเท่าไหร่ ผมยิ่งนุ่มลื่น แต่ความจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะการหมักผมนานเกินไปอาจทำให้สารบำรุงซึมลึกเกินจำเป็น จนทำให้หนังศีรษะมัน หรือเกิดการอุดตันได้ โดยเฉพาะคนที่มีหนังศีรษะมันหรือเป็นรังแคอยู่ อ่าวและควรหมักผมกี่นาทีดีหล่ะ คำตอบคือ 5-15 นาที หรือตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์เท่านั้น จะได้ประโยชน์เต็มที่โดยไม่เกิดผลเสียกับเส้นผมของเรานั่นเอง
การดูแลผิวหน้า ผิวกาย หรือเส้นผมถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่การทำตามวิธีที่ถูกต้องยิ่งสำคัญกว่า! เพราะหลายครั้งความเชื่อผิด ๆ ที่หลายคนเข้าใจหรือทำตามมา ก็อาจทำให้เราพลาดการดูแลที่เหมาะสมและไม่ได้ผลอย่างที่หวังก็เป็นได้ ดังนั้นการใส่ใจในรายละเอียดที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละ จะช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการดูแลตัวเองได้มากขึ้นค่ะ
-----------------------
*Cosmenet Smart Beauty รีวิวดีบอกต่อ
-----------------------
อ่านคอนเทนต์เกี่ยวกับการบำรุงผิวอื่น ๆ เพิ่มเติม