เคยมั้ย? อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกริมฝีปากหมองคล้ำ คันยุบยิบ หรือปากแห้งแตกแบบไม่เคยเป็นมาก่อน อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าสาว ๆ กำลัง “แพ้ลิปสติก” อยู่ก็เป็นได้ ถึงแม้อาการอาจจะดูไม่ได้หนักหนาแต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นะคะ เพราะอาจจะทำให้อาการแย่ลงได้ วันนี้ *Cosmenet เลยจะพาทุกคมาเช็ก 5 สัญญาณเตือนอาการแพ้ลิปสติก พร้อมแนะนำวิธีรักษาอาการที่ถูกต้องกันค่าาา~
5 สัญญาณเตือนอาการแพ้ลิปสติก
1. ระคายเคืองริมฝีปาก
สำหรับคนที่แพ้ลิปสติก อาการแรกที่มักจะเจอคือรู้สึกระคายเคืองริมฝีปาก หรือคันยุบยิบหลังทาลิปสติก โดยอาจจะมีอาการริมฝีปากบวมแดง เกิดการอักเสบ หรือรู้สึกปากแห้ง มีสะเก็ด หรือมีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นทั่วริมฝีปากร่วมด้วย
2. ริมฝีปากบวม
หากมีอาการแพ้ริมฝีปากจนเกิดการอักเสบ อาจมีอาการปากแห้ง รู้สึกระคายเคือง มีรอยแดง และบวมเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะปรากฏภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังทาลิปสติกและคงอยู่เป็นเวลานานหลายวัน
3. ริมฝีปากไหม้ หรือหมองคล้ำ
สาว ๆ คนไหนที่เพิ่งซื้อลิปสติกแท่งใหม่มา หากลองทาแล้วรู้สึกริมฝีปากไหม้ หรือหมองคล้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้สันนิษฐานเลยค่ะว่าอาจจะกำลังแพ้ลิปสติก หรือแพ้ส่วนผสมในลิปสติก เช่น สี กลิ่น น้ำหอม และสารกันบูด แนะนำให้หยุดใช้ทันที และหากอาการยังไม่ดีขึ้นควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างทันท่วงที
4. รู้สึกแสบร้อนริมฝีปาก
รู้สึกแสบ คัน หรือเกิดผื่นแดงที่บริเวณริมฝีปาก ก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่ากำลังแพ้ลิปสติก โดยแนะนำให้รีบเช็ดลิปสติกออกอย่างอ่อนโยนด้วยรีมูฟเวอร์ โดยหลีกเลี่ยงการถูแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น จากนั้นจึงล้างริมฝีปากด้วยน้ำเย็นเพื่อขจัดคราบลิปสติกให้หมดจด
5. มีผื่นแดง หรือมีตุ่มพุพองขึ้นบริเวณริมฝีปาก
อาการระคายเคือง แสบ คันมักจะมาพร้อมกับผื่นแดง หรือมีตุ่มพุพองขึ้นบริเวณริมฝีปาก ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของอาการอักเสบจากการแพ้ลิปสติก หากหยุดใช้แล้วอาการเหล่านี้ยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ส่วนผสมของลิปสติกที่ควรเลี่ยง
- กรดไกลโคลิก กรดซาลิไซลิก และเรตินอล : การใช้ลิปสติกที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก กรดซาลิไซลิก และเรตินอล อาจทำให้ริมฝีปากแห้งและระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งยังอาจส่งผลให้ส่วนผสมหรือสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ ในลิปสติกผ่านเข้าไปทำลายผิวหนังและเกิดอาการริมฝีปากอักเสบตามมาได้
- น้ำหอม : เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมยอดฮิตที่เสี่ยงต่อการระคายเคือง ริมฝีปากอักเสบหรือเกิดอาการแพ้ตามมา
- สารกันเสีย : นอกจากน้ำหอมแล้วสารกันเสียก็สามารถไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกลิปสติกที่มีส่วนผสมของสารกันเสียจากธรรมชาติอย่าง “น้ำมันสะเดา” เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้น้อยกว่านั่นเองค่ะ
- สารก่อภูมิแพ้ : สำหรับสารก่อภูมิแพ้ที่มักจะพบได้ในลิปสติก ได้แก่ ลาโนลิน ขี้ผึ้ง iรวมถึงน้ำมันบางประเภท ซึ่งสารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบแดง หรือมีผื่นขึ้นที่ริมฝีปากได้
วิธีแก้อาการแพ้ลิปสติก ทำไงดี?
- เช็ดลิปสติกออกทันที : หากมีอาการระคายเคืองหลังทาลิปสติก ควรรีบเช็ดลิปสติกออกอย่างอ่อนโยนด้วยรีมูฟเวอร์ โดยหลีกเลี่ยงการถูแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น และหยุดใช้ลิปสติกแท่งนั้นทันที
- ประคบเย็น : หากสาว ๆ คนไหนแพ้ลิปสติกและมีอาการบวมแดง แสบร้อน หรืออักเสบ แนะนำให้ใช้การประคบเย็นบริเวณที่มีอาการ วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการให้ทุเลาลงได้
- ทาเจลว่านหางจระเข้บนริมฝีปาก : เมื่อมีอาการบวมแดงที่เกิดจากการแพ้ลิปสติก แนะนำให้ทาเจลว่านหางจระเข้บนริมฝีปากและทิ้งไว้สักครู่ เพื่อปลอบประโลมผิวและบรรเทาอาการบวม
- ใช้ลิปบำรุงริมฝีปากสูตรอ่อนโยน : สำหรับใครที่อยู่ในช่วงรักษาอาการแพ้ลิปสลิตกและมีปัญหาริมฝีปากแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย สามารถทาลิปมัน หรือลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้ แต่ต้องเลือกลิปบำรุงสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคาเคืองผิว
Sebamed LIP DEFENCE SPF30
ลิปบำรุงริมฝีปากที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและสารสกัดคาโมไมล์ ช่วยฟื้นฟูริมฝีปากที่แห้งแตก ให้กลับมาเรียบเนียน พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Jojoba Oil แถมยังป้องกันริมฝีปากดำคล้ำเสียจากรังสี UVA และ UVB ด้วย SPF30 โดยไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย บอกเลยว่าอ่อนโยนขั้นสุด!!
ราคา : 4.8 g. / 180 บาท
ช้อปออนไลน์ : Shopee, Lazada
- พบแพทย์เพื่อทำการรักษา : หากหยุดใช้และลองทำตามวิธีแก้อาการแพ้ลิปสติกแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น แนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ช่วงนี้ใครเพิ่งเปลี่ยนลิปสติกใหม่และมีอาการเข้าข่าย 5 สัญญาณเตือนอาการแพ้ลิปสติก แนะนำให้หยุดใช้ทันทีและหากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปนะคะ
อ่านบทความความงามและสุขภาพอื่นเพิ่มเติมคลิก