“ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร” วิธีลดน้ำหนักยอดฮิตสำหรับสาว ๆ ส่วนใหญ่ที่อยากจะไดเอท แบบคิดว่าง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนแค่ต้องต่อสู้กับใจตัวเองมากหน่อย ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ใครต่อหลายคนไม่แนะนำ แต่ก็มีบ้างที่เคยลองใช่ไหมล่ะ ในโลกของผู้หญิง อะไรที่ช่วยให้สวยขึ้นได้ตามที่ใจปรารถนา ก็ไม่ยากเลยที่จะตัดสินใจลองอ่ะเนอะ
แต่วิธีการอดอาหารลดน้ำหนักที่ดูจะอันตรายเนี่ย ดั๊นกลายเป็นวิธีที่ช่วยได้จริง เช่น การลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting หรือ การอดอาหารประมาณ 16 ชั่วโมง (รวมเวลานอนด้วย) ช่วยเรื่องลดน้ำหนักได้ มีรางวัลโนเบลยืนยัน แถมนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นชื่อ โยชิโนริ โอซุมิ ศึกษาวิธีนี้จนกระจ่างตั้งแต่ปี 1973 เมื่อเราอดอาหารนาน ๆ นั้นจะไปกระตุ้นให้เกิด Autophagy หรือการกินตัวเองของเซลล์นั่นเอง ซึ่งการกินตัวเองของเซลล์นั้นเราค้นพบมาก่อนหน้านี้แล้วคือตั้งแต่ปี 1960
Autophagy กระบวนการฟื้นฟูทางธรรมชาติช่วยให้อายุยืนแบบสวย ๆ
ก่อนจะไปถึงเรื่องการลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ 8:16 คือ กินได้ 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมง นั้น ก็ต้องมารู้จักกระบวนการฟื้นฟูทางธรรมชาติแบบ Autophagy กันก่อนเลย ว่าการให้เซลล์กินตัวเองแล้วมันจะดีได้ยังไง คือแบบนี้ค่ะ
ดร.โอสุมิ พบว่า ร่างกายของคนเรานั้นสามารถกินเซลล์ตัวเองเพื่อรีไซเคิลของเก่าที่เสื่อมสภาพให้กลับมาเป็นเซลล์ใหม่ที่ดีกว่า ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ช่วยให้พบทางรักษาโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม และมะเร็ง นั่นคือกระบวนการสร้างสมดุลของร่างกายมนุษย์ที่สามารถเยียวยาตัวเองได้ โดยการย่อยสลายตัวเองเพื่อให้เซลล์ใหม่เกิดขึ้นมาแทนนั่นเอง
นอกจากนี้การกินตัวเองของเซลล์ยังช่วยทำลายไวรัสและแบคทีเรียไปด้วย เหมือนเซลล์ได้พลีชีพตายไปพร้อม ๆ กันกับเชื้อร้าย แล้วก็มาเกิดใหม่แบบไร้แบคทีเรีย
ในส่วนของ Intermittent Fasting 8:16 หรือ กินได้ 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมง นั้น ต้องไปดูนาโอมิ วิทเทล ผู้สำรวจสุขภาพในแบบของเธอ โดยนาโอมิได้ใช้อาสาสมัครที่มหาวิทยาลัยแจ๊คสันวิลล์ ในรัฐฟลอริดา ทำการทดลองเข้าสู่โปรแกรม 15 วัน โดยการอดอาหาร 16 ชั่วโมง 1 ครั้งต่อสัปดาห์ (รวมเวลานอนด้วยนะ) นอกจากนี้ยังมีการลดโปรตีนในบางวันและการกินคาร์โบไฮเดรตในช่วงท้ายของวัน หลังจากทดลองเสร็จสิ้นพบว่าผู้เข้าโปรแกรมนี้สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 3.18 กิโลกรัม ภายใน 15 วัน (แต่ที่น่าคิดก็คือมีการออกกำลังกายหนักในบางช่วงด้วยนะ)
เพียงแต่ข้อดีของมันไม่ใช่น้ำหนักที่ลดลงเท่านั้น เอาจริง ๆ มันก็ดูไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่สำหรับหลาย ๆ คนที่มีสูตรลดน้ำหนักได้ประมาณนี้หรืออาจมากกว่านี้ แต่ด้วยความที่มีการ Autophagy หรือการรีไซเคิลเซลล์ให้ร่างกาย กระบวนการนี้จึงเกิดสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ริ้วรอยที่ร่องตื้นลง ไขมันหายไป และความดันกลับสู่ปกติมากขึ้น
-----------------------------------------------------------------------
“ฉะนั้น ข้อดีของวิธีการ Intermittent Fasting จึงอยู่ที่การเกิด Augophagy นี่แหละ
ไม่ใช่แค่การลดความอ้วน แต่มันคือการรีไซเคิลเซลล์ในร่างกาย ผลที่ได้จึงเป็นสุขภาพที่ดีขึ้นตามมา”
-----------------------------------------------------------------------
แต่บางคนก็เอาไปอดอาหารในรูปแบบที่ต่างกัน เช่น 5:2 หรือใน 1 สัปดาห์จะกิน 5 วัน ส่วนอีก 2 วัน ก็จะกินเพียง 25% ของพลังงานที่ได้รับตามปกติ แต่ 2 วันที่อดนี้ต้องไม่อยู่ติดกันนะคะ อด 48 ชั่วโมง คงไม่ไหวแน่ ๆ
Intermittent Fasting วิธีการกินและอด ทำอย่างไร?
Fasting คือ
อด 16 ชั่วโมง ที่อดนั้นรวมเวลานอนด้วย ซึ่งเราจะสามารถดื่มน้ำที่แทบไม่มีแคลอรี่ได้ เช่น ชา กาแฟ และไม่ควรดื่มน้ำอัดลมที่ใช้สารทดแทนความหวานเพราะจะไปกระตุ้นอินซูลิน ช่วงเวลาที่เริ่มอดส่วนใหญ่ที่ทำคือหลังมื้อเย็นเป็นต้นไป แล้วก็มาเจอกันใหม่ตอนมื้อกลางวัน แต่ละคนใช้ชีวิตต่างกัน ลองจัดระบบของตัวเองดูให้ได้ตามนี้
อีก 8 ชั่วโมง คือ
ช่วงกินได้ ก็กินได้ตามปกติ แต่ก็ไม่ต้องจัดหนักแบบหมูสามชั้นทอด ข้าวสามจาน กินดุประมาณนี้ทุกมื้อก็ไม่ใช่นะ อย่าลืมว่าเรากำลังฟื้นฟูร่างกายควบคู่ไปกับความหุ่นดี อาหารการกินก้ต้องนึกถึงสุขภาพกันด้วยจ้า
มีการแนะนำว่า ผู้ชายให้ทำแบบ 16:8 ส่วนผู้หญิงให้เป็นแบบ 18:6 อันนี้ก็แล้วแต่สภาพร่างกายและไลฟ์สไตล์ชีวิตของแต่ละคน สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเองได้ค่ะ แต่ใครที่ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย วันไหนที่ต้องออกกำลังกาย ก็แนะนำให้กินคาร์โบไฮเดรตมากหน่อย เพื่อเสริมพลังงานให้ร่างกายมีแรงออกกำลังกายไหว วันไหนนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ลด ๆ ลงมา
ข้อควรระวัง สำหรับวิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting
- ระวังกินมากเกินไป แน่นอนว่าพลังงานที่ร่างกายคนเราต้องการนั้นมีจำกัดในแต่ละวัน ฉะนั้นในเวลากิน 8 ชั่วโมง จึงไม่ใช่ว่าจะซัดเท่าไหร่ก็ได้นะเออ แบบกินหมูกระทะยิงยาว 8 ชั่วโมงนี้ไม่ได้แน่นอนนน!! ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ คำนึงถึงสารอาหารครบ 5 หมู่ แต่จะได้ความยืดหยุ่นมากกว่าการกินคลีนตรงที่สามารถเลือกทานอาหารได้ตามปกติในชีวิตประจำวันนี่แหละ
- ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ แน่นอนว่าสายปั้นกล้ามบิ๊กบึ้ม หากต้องการ IF ควบคู่ด้วยจะลำบากหน่อย เพราะมีการจำกัดเวลาการกินในแต่ละวันทำให้รับแคลอรี่ได้ไม่เพียงพอ จะเหมาะกับคนที่ต้องการกำจัดไขมันที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ตัวลีนจนเห็นกล้ามชัดขึ้นมากกว่านั่นเองค่ะ
- เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร สิ่งที่สำคัญสำหรับการลดน้ำหนัก Intermittent Fasting คือ ต้องทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน หากอดคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันลงไปอีก จนมากเกินไปนั้น อาจจะทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดสารอาหารได้ และเมื่อร่างกายพบว่าเรากำลังขาดสารอาหาร ร่างกายจะเข้าสู่ “โหมดเอาตัวรอด” เผาผลาญพลังงานน้อยลง สะสมไขมันให้มากขึ้น (เพราะร่างกายคิดว่าเราจะอดตาย) ทีนี้ล่ะ จะลดจะอดยังไงน้ำหนักก็ยากที่จะลงแล้ว
ใครสะดวกจะเข้าโปรแกรมอดแบบ Intermittent Fasting นี้ก็ลองเริ่มได้เลย ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้เราควบคุมระยะเวลาการกิน และลดไขมันสะสม แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำไปตลอด กำหนดระยะเวลาที่ะทำเอาไว้สักระยะหนึ่งจนน้ำหนักลดได้จริง สุขภาพดีขึ้นจริง ๆ แล้วลองปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิต ทำแบบเดือนเว้นเดือนก็ได้ โดยเฉพาะคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน หรือมะเร็ง วิธี Intermittent Fasting มีประโยชน์ให้มากกว่าความผอมสวยด้วยนะ
รู้แล้วแชร์ต่อได้เลย เพื่อสุขภาพที่ดีแบบง่าย ๆ ของคนใกล้ตัวคุณค่ะ :)
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th