ซองฟ้าลดสิวอักเสบตัวนี้ประทับใจมากกก เนื้อเจลสีใส ทาง่าย ซึมไว ไม่ระคายเคือง ไม่ทำให้หน้าลอกเป็นขุยด้วย อันนี้ขอบอกต่อเพราะช่วงนี้เป็นสิวอักเสบ ทาตัวอื่นแล้วก็กลับมาตายรังที่ตัวนี้ทุกที เพราะแต้มเจลที่สิวทิ้งไว้รู้สึกทำปฏิกิริยาไวภายใน 1 คืน และ 2-3 วันต่อมาสิวอักเสบยุบลงไปจริงๆ ถ้าหากเทียบกับยี่ห้ออื่นแล้วมักจะต้องใช้เวลาเกือบ 1 อาทิตย์เลย หากใครเร่งรีบต้องการสิวยุบไวๆแนะนำตัวนี้เลยจ้าา อีกอย่างราคาถูก หาซื้อง่ายและคุณสมบัติเค้าดีจริงๆ ตอนนี้ซื้อมาใช้เอง 3 ซองแล้ว เลิฟมากจ้า

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว Biore Pore Pack Black Charcoal​ แผ่นลอกสิวเสี้ยน มีความผสมผสานกับถ่านไม้ไผ่ญี่ปุ่น แค่ชื่อก็น่าลองแล้ว ช่วยให้รูขุมขนกระชับ เรียบเนียน ช่วยลดความมันถถึง 3 เท่าและยังลอกสิวเสี้ยนออกมาได้อย่างชัดเจน เดี๋ยวมาดูกันว่าจะเป็นยังไง ก่อนอื่นต้องบอกว่าเราชอบแพ็คเกจเป็นกล้องดูดีมีสไตล์ มีลายหมีบราวน์ เค้าดูน่ารักดี แต่ในกล่องก็คือเป็นซองธรรมดาทั่วไป มี 10 แผ่น คุ้มค่าอยู่เด้ออ -แผ่นลอกเค้าจะเป็นสีดำสนิท เวลาใช้ก็ต้องลอกเอาแผ่นพลาสติกออก และเอาด้านที่ลื่นๆแปะบนจมูกที่เปียกชุ่ม ก็ไม่ใช้ขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรนัก แต่จมูกเราค่อนข้างเล็กตอนแปะเลยไม่เรียบเท่าไร -ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ตอนแปะจะรู้สึกว่ามันเย็นๆ ถ้าแผ่นแห้งสนิทก็ดึงออกมีเจ็บๆบ้าง ค่อยๆลอกช้าๆค่ะ -ตอนลอกเสร็จมีสิวเสี้ยนติดออกมาค่ะ แต่ไม่ทั้งหมดหลุดออกมาบางส่วน สิวเสี้ยนสีดำๆไม่หลุดออกเลย มีแต่สิวเสี้ยนสีขาวๆที่ติดออกมา แต่รู้สึกมันส์ดีตอนดึง -แอบทิ้งคราบสีดำไว้ต้องล้างน้ำออก (ล้างง่ายอยู่ค่ะ) -เรื่องความมัน เรารู้สึกเฉยๆค่ะ ความประทับเอาไป 3.5 แล้วกันนะคะ

ขอเกริ่นก่อนว่าไม่เคยใช้ยี่ห้อ Cetaphil มาก่อน แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดมาก <3 เราได้รับครีมขนาดทดลองหลายซองจาก Cosmenet ได้ทั้ง Day cream ที่มี SPF15 และ Night cream สำหรับทาตอนกลางคืน ที่มี GentleBright Technology ส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส มาพูดถึง Day cream กันก่อนดีกว่าค่ะ -เนื้อครีมมีส่วนผสมของครีมกันแดด ดังนั้นเนื้อจะค่อนข้างเข้มข้น สีขาว แต่เวลาทาง่าย ซึมซาบรวดเร็ว -กลิ่น: ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย เพราะไม่มีน้ำหอมของจริงค่ะ ดีมากก -ความรู้สึกหลังใช้ เวลาทาเสร็จจะรู้สึกว่าผิวมันเหมือนเวลาทาครีมกันแดด แต่ซึมซาบรวดเร็ว แต่บางเบาไม่เหนอะหนะเลย รู้สึกทาแล้วผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น และทำให้เวลาแต่งหน้าผิวสวย เครื่องสำอางติดทนด้วย ประทับใจค่ะ -ส่วนจุดด่างดำจางลงเล็กน้อย -ตัวนี้เราไม่แน่ใจเรื่องความกระจ่างใสเท่าไร มาถึงตัว Night Cream -เนื้อครีมจะเข้มข้นน้อยกว่าตัวข้างบน เกลี่ยลื่น เกลี่ยง่าย ซึบซาบไวเช่นกัน -ไม่มีน้ำหอม ไม่มีกลิ่นเลย เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย -ความรู้สึกหลังใช้ : ตั้งแต่ใช้ 3 วันแรกเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ตื่นมาผิวกระจ่างใสขึ้น 1 ระดับ ผิวหน้าดีขึ้น เนียนนุ่ม ให้ความชุ่มชื่นดีมากๆ ที่บ้านและแฟนเรายังทักว่าหน้าใสขึ้น ชอบประทับใจตัวนี้มากๆค่ะ โดยรวมชอบภาพรวมของทั้ง 2 สูตรมากๆ คนหน้าแห้งแบบเราชอบมากช่วยชีวิตได้เยอะเลยคะ

ต้องบอกก่อนว่า .... ก่อนหน้านี้ได้เล็งตัวนี้ไว้เพราะคุณสมบัติที่ช่วยละลายสิวอุดตันและรอยดำแดงจากสิว ปัญหาสภาพผิว: ผิวผสม หน้าแห้งและมันตรงแก้ม T-Zone นอกจากนี้ยังเป็นสิวอักเสบบริเวณคาง และ สิวอุตันแถวๆรอบจมูกกับคาง เนื้อผลิตภัณฑ์: เจลใสๆ เวลาทาจะมีความหนืดเล็กน้อยและซึมเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ความชุ่มชื่นได้ดี กลิ่น: กลิ่นแอลกอฮอลค่อนข้างแรง ทาเสร็จปุ๊บเดียวก็จางไปเอง ส่วนผลที่ได้หลังจากที่ได้ลองใช้ขนาดทดลองมาทั้งหมดเกือบ 3 อาทิตย์ ** ในเรื่องของสิวนั้น ให้ 3.5/5 เนื่องจากเราใช้แล้วมันจะดันสิวบริเวณที่อุดตันออกมาเยอะพอสมควร ต้องทำใจก่อนใช้นะคะและกว่าจะหายใช้เวลานานค่ะ 3-4 อาทิตย์ ส่วนบริเวณคางสิวจะเกิดซ้ำลดน้อยลง แต่ก็ยังมีสิวขึ้นซ้ำๆอยู่ 1-2 เม็ด แล้วแต่ช่วงรอบเดือนด้วย ปล.แต่จะมีแค่บริเวณหน้าผากจะมีสิวอุดตันที่ขึ้นมาเยอะและยุบยากมากขนาดใช้ตัวนี้ช่วยแล้วก็ยังไม่ค่อยเห็นผล ก็ต้องใช้ครีมแต้มสิวโดยเฉพาะมาช่วยเสริมอยู่ดี **ในเรื่องของรอยดำจากสิว ให้ 4/5 เพราะรอยดำจากสิว ดูจางลงมากพอสมควร แต่ก็ยังมีรอยจางๆอยู่ ซึ่งใช้เวลานานอยู่ค่ะ ***ความพอใจโดยรวมให้ 3.5 ค่ะ ราคาแอบแรงไปนิด แต่ถามว่าใช้ต่อไหม คงเลือกใช้เฉพาะช่วงเป็นสิวเท่านั้น***

สวัสดีจ้า วันนี้จะมารีวิวMelano CC Brightening Gel ได้ยินมาปากต่อปากแล้วว่าเอสเซนยี่ห้อนี้ดี แต่เรายังไม่เคยใช้เลย เมื่อได้มาลองตัวเจลก่อนก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดจริงๆ ปริมาณที่มีให้มากถึง 100 กรัม ซึ่งเยอะมากๆ เราใช้ได้หลายเดือนเลยล่ะ ไม่ต้องกลัวครีมจะหมด ฮ่าๆ แพ็คเกจเป็นพลาสติกสีส้มเหลือง ดูเด่นสบายตาดี เนื้อสัมผัส: มาในรูปแบบเจลครีมสีขาวขุ่น ทาเกลี่ยง่ายมากๆ กระจายได้ทั่วถึงใบหน้าเลย ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มอบความชุ่มชื่นได้ดีมากกว่าที่คิดไว้เลยแหละ กลิ่น: กลิ่นหอมออกแนวเลม่อนๆ เฟรชๆ ผลลัพธ์: ปกติเรามีปัญหาผิวแห้งช่วงทีโซนและมีสิวใต้คางรวมถึงบริเวณปาก เราทา Melano CC เจลตัวนี้ก่อนนอนเพื่อมอบความชุ่มชื่นแก่ผิวได้ดีมากและสบายผิวมากเลยทีเดียว ตื่นเช้ามาจากหน้าที่ดูหม่องคล่ำรู้สึกว่าผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย รอยแดงรอยดำสิวใต้คางแลดูจางลงนิดหน่อยไม่มาก แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในจุดนี้ ประมาณเกือบ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งผิวหน้าโดยรวมดูเนียนใสเด้ง ดูเงาเป็นธรรมชาติดี(หมายถึงตอนตื่นนะ) ส่วนจะทาตอนกลางวันก็ได้ ช่วยให้การทารองพื้นดูผิวสวยสุขภาพดีและติดทนยิ่งขึ้น อาจจะด้วยวิตามินอีที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื่นก็ได้ค่ะ ในระหว่างวันหน้าไม่มันไม่เยิ้ม ไม่ระคายเคืองหรือแสบผิวเลยจ้า ไม่อุดตันไม่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม รู้สึกใช้แล้วชอบจริงๆและให้ผลลัพธ์เกินที่คาดหวังไว้ด้วย เอาคะแนนไปเลย 5/5 คะแนน

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว SENKA Deep Moist Lotion II เป็นโลชั่นเอสเซนส์ ที่เคลมว่าให้ความชุ่มชื่น เนียนนุ่ม อิ่มน้ำ ซึ่งเขามาในรูปแบบขวดใหญ่สะใจมากจริงๆ บรรจุมาในปริมาณ 200ml ใช้ได้ยาวนานหลายเดือนเลยล่ะ มาพร้อมด้วยส่วนผสมพิเศษที่น่าลองใช้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นดับเบิ้ล ไฮยาลูรอนิค แอซิด / มอยส์เจอร์ บูสท์ และ สารสกัดจากธรรมชาติ เช่นไรซ์ บราน ออยล์ , ฮันนี่ ,ไวท์ โคคูน และ มารีน คอลลาเจนปัญหาสภาพผิว: ผิวหน้าบริเวณ T โซนจะมีความแห้งมากโดนเฉพาะหน้าแก้ม บริเวณจมูก  ความประทับใจหลังใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์ เนื้อสัมผัสเขาเป็นน้ำโลชั่นใสเหลว เรื่องกลิ่นเขาทำได้ดีมากเพราะไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์เลย เราใช้แล้วอ่อนโยนไม่ระคายเคือง แต่รู้สึกว่าตอนทาแล้วแอบเหนียวเหนอะหนะเล็กน้อย และต้องใช้เวลาในการซึมเข้าผิวพอสมควร ดังนั้นเราจึงชอบทาก่อนนอนตื่นมาหน้านุ่ม รูขุนขนดูเล็กลง บริเวณหน้าแก้มของเราที่เคยแห้งกลับมามีความชุ่มชื่นไม่แห้งเป็นขุยเหมือนเคยได้ภายใน 2-3 วัน ถือว่าปรับสภาพผิวไวมากๆ ช่วยปรับสมดุลให้ผิวเราสุขภาพดี ให้ 4/5 ขอหักคะแนนเรื่องทาแล้วรู้สึกทิ้งความเหนอะหนะ และซึมซาบช้า

Parrot Oil in Bath เป็นครีมอาบน้ำที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ได้ยินว่าเขามีส่วนผสม Argan oil ด้วย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นสุดยอดของ Oil ที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื่นยิ่งน่าใช้น่าลองมากๆมาเริ่มดูที่แพ็คเกจกันก่อนค่ะ ตัวแพ็คเกจไม่ก็องแก๊งและเขาให้มาในปริมาณที่อัดแน่น ให้มาเยอะสะใจมากๆ คุ้มค่าสุดๆส่วนเรื่องกลิ่น จะหอมๆออกแนวดอกไม้อ่อนๆ น่าหลงไหล ไม่ฉุนเลยค่ะ แต่อาบเสร็จกลิ่นไม่ค่อยติดผิวเท่าไหรเนื้อสัมผัสเป็นครีมน้ำนม สีขาวขุ่นมุก ค่อนข้างเหลวและไหลง่าย แต่บีบในปริมาณ 2 ปั้มก็ถูได้ทั่วตัวเลยสำหรับคนตัวเล็กความรู้สึกหลังใช้: เราได้ลองสูตร White Perpect ซึ่งกำลังใช้ไปได้ 1 อาทิตย์ รู้สึกว่าถ้าใช้ครีมอาบน้ำตัวนี้กับใยขัดตัวค่อนข้างขึ้นฟองง่าย ถูให้เกิดฟองง่ายค่ะ แต่เนื้อฟองจะหยาบไม่ละเอียดมาก อาบสนุกไหลลื่นดี หอมอ่อนๆผ่อนคลาย ตอนล้างออกก็ล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความลื่นใดๆ รู้สึกสะอาดแและผิวนุ่มในขณะเดียวกันก็ให้ความชุมชื่นพอประมาณ เช็ดตัวเสร็จแล้วผิวไม่แห้งผาก ผิวนุ่มและชุ่นชื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องพึ่งบำรุงครีมอื่นๆเพื่อช่วยความชุ่มชื่นมากขึ้น แต่ในเรื่องความกระจ่างใสของวิตามิน B3 ยังไม่เห็นผล คงต้องใช้ให้หมดขวดก่อนค่ะ  ซึ่งก็อยากรู้เหมือนกันค่ะว่าจะต่างกับสูตรอื่นๆยังไง อย่างสูตร Shea Butter อาจจะเพิ่มความชุ่มชื่นได้มากกว่าสูตรนี้ก็ได้ สรุปโดยรวมแล้วเป็นครีมอาบน้ำนมที่น่าใช้มากๆ ด้วยปริมาณที่คุ้มค่าอัดแน่นสะใจและมาพร้อมด้วยส่วนผสมออร์แกนออยที่เป็นสุดยอดออยแห่งความชุ่มชื่น หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ อาบน้ำสนุกไม่ทิ้งความแห้งหลังอาบและมีหลายสูตรให้เลือก ถือว่าเป็นตัวเลือกครีมอาบน้ำที่น่าใช้ไม่น้อยเลย 

วันนี้จะมารีวิว SENKA Perfect Gel Gentle Wash เจลล่างหน้าใสที่เครมมาว่าช่วยทำความสะอาด ขจัดความมันส่วนเกินและบำรุงให้ชุ่มชื่น เนื้อสัมผัส : เป็นเนื้อเจลใส ลื่นๆ ให้ความรู้สึกที่ดีเวลานวดทำความสะอาดผิว นวดๆวนๆง่ายดีค่ะ  กลิ่น : เป็นกลิ่นซีตรัส แต่เราได้กลิ่นแอลกอฮอลค่อนข้างแรง อาจจะฉุนจมูกนิดหน่อยในช่วงแรก ความรู้สึกหลังใช้ : หลังจากใช้มา 4-5 วัน เราชอบเนื้อสัมผัสเค้าตอนนวดๆที่หน้า เนื้อเค้าจะลื่นๆ เหมือนได้ให้เวลาตัวเองได้นวดผิวเลยรู้สึกผ่อนคลายไปในตัว แต่ติดที่กลิ่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งในตอนแรกเราไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาจะทำความสะอาดผิวได้ดีในระดับไหน เราเลยจะใช้เจลตัวนี้ล้างหน้าในวันที่ไม่ได้แต่งหน้าจัดๆอาจจะใช้วันที่หน้าสด วันที่อยู่บ้าน หรือ จะใช้วันที่รู้สึกหน้าแห้งๆเพราะหลังจากล้างด้วยน้ำเปล่าเสร็จ เรารู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น ล้างเสร็จหน้านุ่มดีค่ะ ล้างออกง่ายสำหรับเราอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว ไม่อุดตัน ไม่ทำให้เป็นสิวเพิ่ม  ส่วนเรื่องขจัดความมันเราไม่ทราบ เพราะใช้เฉพาะตอนที่หน้าแห้งสรุป เราว่าเค้าเป็นเจลล้างหน้าที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มการบำรุงให้ผิวหน้าชุมชื่นเนียนนุ่มอย่างรวดเร็ว  เหมาะสำหรับคนที่หน้าแห้ง และวันที่ไม่ได้แต่งหน้าจัดๆ ไม่ได้เจอมลภาวะอะไรมากมาย  ให้ไป 4/5 คะแนน หักเรื่องกลิ่นและมีแอลกอฮอล์ค่ะ 

Vaseline Dry Serum Ultra Whitening ตอนแรกที่ได้มานึกไม่ออกเหมือนกันค่ะว่าใช้แล้วจะเป็นยังไง เป็นเนื้อครีมเซรั่มจะเวิร์คไหม จะเหนอะหนะหรือเปล่าน้าาา มาดูผลลัพธ์กันสูตรที่ได้มาเป็นสีชมพูค่ะ เค้าเคลมว่าช่วยในเรื่องความกระจ่างใส มาพร้อมกับคอลลาเจน + Vitamin B3ตัวนี้ใช้ไม่ยากเลย เปิดมาปุ้บบีบเล็กน้อย แต่ต้องแอบระวังที่บีบครีมครั้งแรกมันจะพุ่งออกจากหลอด 555 ตอนแรกแอบกังวลนิดๆว่าจะเหนอะหนะไหม จะแห้งไวหรือเปล่า ปรากฏว่าทาแล้วกระจายได้ทั่ว เกลี่ยลื่นไหล  เนื้อสัมผัสจะคล้ายๆครีมทั่วๆไปไม่เหนอะหนะเลย ทาแปปเดียวแค่ประมาณ 1-2 นาที ก็แห้งสบายผิวแล้วค่ะ ไม่เป็นคราบ ไม่ติดเสื้อ  ส่วนเรื่องกลิ่น เป็นกลิ่นสไตล์ของวาสลีนเลยค่ะ กลิ่นค่อนข้างแรง สำหรับเราแอบเวียนหัวหน่อยๆ 55 คนอื่นอาจจะชอบก็ได้เรื่องความกระจ่างใสสำหรับเรายังไม่เห็นผล ต้องขอลองต่อไปอีกสักหน่อย แต่ในเรื่องความเรียบเนียนใช่ได้เลย เพราะรู้สึกเนียนนุ่มตั้งแต่แรกที่ใช้ ส่วนความหนังไก่อาจจะยังคงอยู่เพราะเราชอบถอนขนจักกะแร้บ่อย 55ระหว่างที่เราใช้ชีวิตประจำวันแบบ WFH (เราทำงานจากที่บ้าน) วันนั้นเรามีเหงื่อออกมาก และ เป็นวันที่อากาศร้อนมากก อากาศประมาณ 38-40 องศา ไม่ได้อยู่ห้องแอร์ด้วย เราทาตัวนี้ช่วยระงับกลิ่นกายได้จริงๆนะ เพราะปกติถ้าเรามีเหงื่อออกใต้วงแขนจะมีกลิ่นค่ะ แต่เซรั่มของวาสลีนช่วยระงับกลิ่นกายได้ดีจริงๆอันนี้คอนเฟิร์ม!!! แม้วันนั้นเหงื่อเราจะออกเยอะก็ตาม เรื่องติดทนนาน ขอบอกว่ากลิ่นติดทนนานมาก 24ชม.ยังเอาอยู่อะ    **ให้คะแนน 4.5/5 ขอหักเรื่องกลิ่นของเซรั่มจ้า น้องเวียนหัว 555     

ต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยใช้รองพื้นของ YSL มาก่อน และก็อยากลองมาสักพักแล้ว โชคดีที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ Yves Saint LaurentAll Hours Foundationมาพร้อมด้วย SPF 20 PA+++ กันน้ำได้ด้วย อีกอย่างเขามีถึง 22 เฉดสี นอกจากนี้ยังเคลมว่าติดทนยาวนาน มาดูกันว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง     ก่อนอื่นมาพูดถึงปัญหาผิวเราก่อนนะคะ เรามีปัญหาเรื่องผิวผสม ทั้งแห้งและมัน แต่ค่อนไปทางแห้งมากกว่า แต่จะมีเรื่องความมันช่วง T-Zone นิดหน่อย มีสิวอักเสบและรอยดำรอยแดงบริเวณคาง และรอยสิวข้างแก้ม ส่วนแพ็คเกจแม้จะเป็นแค่ขนาทดลอง แต่แพ็คเกจสีดำมาพร้อมด้วยตัวหนังสือสีทองหรูหรามากเลย ขนาดจริงขวดจะน่าดึงดูดขนาดไหน ฮ่าๆ  เนื้อสัมผัส: มีความบางเบา ตอนแรกคิดว่าทาแล้วรองพื้นจะหนา แต่ไม่ใช่เลยค่ะเนื้อบางเบา และเกลี่ยง่ายมาก แต่ต้องเกลี่ยดีๆนะคะ เพราะคิดว่าแห้งไวอยู่เพราะทาแล้วมีความแมต ซึ่งในรูปเราใช้มือเกลี่ยค่ะ อาจจะลงลองพื้นบางไปหน่อย แต่ทาแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตกร่องระหว่างวัน สีรองพื้นที่เราเลือกคือ เบอร์ B30 สีแอบเข้มกว่าผิวหน้าไปนิด สีออกไปทางเหลือง ทางที่ดีไปลองหน้าเค้าเตอร์ง่ายสุดเพื่อให้ได้สีรองพื้นที่เหมาะกับผิว การปกปิด: ปกปิดปานกลาง ปกปิดรูขุมขนได้ประมาณหนึ่ง แต่จะต้องบิ้วหน่อยสำหรับคนที่มีสิว มีรอยดำรอยแดงแบบเรา ต้องทาอีกรอบเพื่อการปกปิดที่ดี หรืออาจจะต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วย ให้สังเกตบริเวณคางเราค่ะ มีสิวอักเสบที่เกิดจากฮอร์โมนมันปกปิดได้ไม่มิด (***ในรูปไม่ได้ลงคอนซิลเลอร์และไม่ได้ลงไพรเมอร์เลย และ ถ่ายด้วยกล้องไอโฟน)   ความติดทน: เริ่มทาตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปทำงาน พอตกบ่ายประมาณ 4-5 ชม. หน้าเริ่มหลุด หน้ามันเล็กน้อย ช่วงหน้าผาก จมูกแก้ม และทีโซนแต่ไม่ไหลเยิ้ม คุมมันปานกลาง ต้องซับหน้าและเติมแป้งอีกรอบในช่วงบ่าย ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์แต่ละคน อย่างเช่น ช่วงนี้หน้าร้อนแล้ววันนั้นเราไปเผชิญแดดข้างนอกในตอนเที่ยงแน่นอนว่ารองพื้นแอบมีหลุดๆบ้างล่ะ ....แต่ถ้าเพื่อนๆอยู่ในห้องแอร์ไม่ต้องกลัวจ้า รอดแน่นอนค่ะ    ส่วนเรื่องกลิ่นหอมดีสดชื่นๆ ไม่ฉุน ไม่เหม็น ความประทับใจ 4/5  สรุป เป็นรองพื้นที่ใช้ได้ทั้ง Everyday look ใช้ไปทำงานก็ได้ และ Night Look ก็ได้ ให้ลุคที่ดูผิวแมทผิวสวย แต่บางเบาสบายผิว หน้าไม่เค้ก ไม่หนา ไม่แครกแน่นอนจ้า ได้ลุคที่เป็นธรรมชาติ หรือ สามารถบิ้วงานผิวให้เฟียสๆหน้าแน่นหน้าสวยก็ทำได้ คือให้ 2 อารมณ์ประมาณนั้น .... แต่หักคะแนนที่แอบมีหลุดๆระหว่างวัน  

วันนี้จะมารีวิว Aveeno Skin Relief Moisturizing Lotion ตั้งแต่เราได้ตัวนี้มาจากกิจกรรมนี้ก็เร่มใช้เลยจ้า ปกติผิวเราจะแห้งเพราะช่วงก่อนที่อากาศที่เชียงใหม่ยังเย็นจะอาบน้ำอุ่นตลอด  ทำให้ผิวแห้งง่าย ส่วนข้อศอกเราแห้งแตกด้าน มุมหัวเข่าก็แห้งค่ะ มือยิ่งหนักไปใหญ่เพราะล้างมือบ่อยช่วงนี้   พอเริ่มใช้ทันที Aveeno สูตรนี้ โลชั่นสีขุ่นขาว เนื้อเข้มข้นไม่เป็นน้ำ ไม่ไหลเยิ้ม แต่กลับทาง่าย เกลี่ยลื่น ซึบซาบไวบางเบาสบายผิวกายมาก ไม่เหนอะหนะเลย ไม่ติดขนแขน รู้สึกถึงความชุ่มชื่นสบายผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และใช้ต่อเนื่องมาประมาณ 5-6 วัน สังเกตได้ว่าบริเวณมือเรานุ่มเนียนละเอียด และตรงตามข้อศอกดีขึ้นมากๆ ไม่แห้งแตกเหมือนเคย แต่อาจจะต้องใช้เวลาสัก 2-3 อาทิตย์หน่อยนะ ส่วนเรื่องกลิ่นนี่เคยไม่มีน้ำหอมมา เลยไม่ได้หอมหรือมีกลิ่นอะไร แต่มีได้สูตรที่หอมคงจะฟินกว่านี้ค่ะ สูตรนี้จึงเหมาะกับคนแพ้น้ำหอม เหมาะกับคนผิวบอบบางและแพ้ง่าย เราใช้ไม่ระคายเคืองใดๆ ปกติมากจ้าเอาเป็นว่าให้ 4/5 เพราะถ้ามีกลิ่นจะฟินกว่านี้ แต่ผลลัพธ์น่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ เปลี่ยนผิวแห้งสากกลายเป็นผิวที่เนียนนุ่มให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลย  

หลังจากทดลองใช้ครีมกันแดดเนื้อฟูลอิดของ La Roche Posay Anthelios Shaka Fluid SPF 50+ PA++++ แค่เห็นค่า SPF สูง พร้อมกับเครื่องหมายบวกมากมายขนาดนี้ ต้องกันแดดได้มีประสิทธิภาพมากแน่ๆ เจ้าตัวนี้สามารถช่วยปกป้องผิวจาก UVA UVB อินฟราเรด และมลภาวะต่างๆในชีวิตประจำวันได้ และเหมาะกับทุกๆสภาพผิว อ่อนโยนจริงๆนะสภาพผิวเรา : เป็นผิวผสมค่ะ มีแห้งมากบริเวณทีโซนตรงจมูกและแก้ม + มีความมันบริเวณคางแพ็คเกจ : เล็กกระทัดรัด ปริมาณ 50 มล. แต่ใช้ได้นานนะเนื้อสัมผัส : เป็นเนื้อฟูลอิด มีความเหลวคล้ายน้ำ ลื่นเกลียง่าย ซึมซาบไว บางเบา แต่หลังทาเสร็จแอบมีความเหนียวและความมันวาวเล็กน้อย (ก็อารมณ์ประมาณความเหนียวของครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงทั่วๆแหละค่ะ ทำใจหน่อย) ทาแล้วไม่เป็นคราบขาวเด้อ รอเซ็ทตัวซักพัก 5-10 นาที ก็ไม่ได้เหนียวเหนอะหนะแล้วนะ แต่เรากลับรู้สึกว่าเค้าให้ความชุ่มชื่นมากกว่าสำหรับคนหน้าแห้ง ไม่แพ้ อ่อนโยนมากๆ ทาได้ทั่วหน้าเลย   ปล.ตอนเขย่าแรกๆแล้วเทครีมแอบเลอะออกมาเยอะเหมือนกันต้องระวังนะคะอันนี้กลิ่น : ไม่มีกลิ่นน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นกันแดดของเขาเลย เฉยๆค่ะ ไม่ได้หอม หรือ ฉุน ปกติดีความรู้สึกหลังใช้ : รู้สึกว่าทาเขาแล้วอ่อนโยน ไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง ไม่อุดตัน แต่ระหว่างวันแอบหน้ามันนิดๆ ซับหน้าบ้างเป็นบางเวลา แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์ก็ได้ผิวดูโกลว์ๆดีนะ กันแดดตัวนี้ไม่ไหลไม่เยิ้มไม่ทิ้งคราบขาว เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราเลยเพราะต้องจ้องคอมพิวเตอร์และมือถือทั้งวันทั้งคืน ดีมากๆตรงที่ป้องกันแสงจากคอมพิวเตอร์ได้ เดินออกไปกลางแดดแจ้งๆไม่แสบผิวเลย หน้าไม่ไหม้ด้วย เลิฟมากจ้าา เอาคะแนนไปเลย 5/5