จริงๆแอบเล็งบีโอเรตัวนนี้มาสักพักแล้วนะคะ แต่กังวลเรื่องความมันของกันแดด ซึ่งการหักคะแนนมาจากความมันจริงๆค่ะหมายถึงน้องไม่ช่วยคุมความมันบนผิวให้เรานะคะ เย็นมาหน้าหมองเลยขนาดนั่งทำงานอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่ความดีงามของน้องตัวนี้ก็มีนะคะ ลักษณะเนื้อของน้องเป็นครีม เนื้อไม่เหลวเลยนะคะ แต่ทาเสร็จปุ๊บ เย็นผิวปั๊บ แถมซึมเข้าเนื้อแบบรวดเร็วมากๆ

เมื่อสิวบุกทีไรสมัยสาวๆ เราต้องนึกถึงเมนโทลาทัมเสมอ แต่เมื่อแก่แล้วกลับปล่อยปละละเลยน้องเค้าไป จนสุดท้ายต้องวนกลับมาให้น้องเค้าช่วยใหม่อีกครั้งนึง คือถ้าสิวบุกหนักๆ ต้องใช้คู่กับตัวล้างหน้าเลยนะ น้องเค้าทำให้สิวหายเกลี้ยง รอยสิวแทบไม่เหลือเลยจริงๆ รวมไปถึงความหน้าหมองหน้ามันก็หายไป จนหน้าลอกเป็นขุยๆเลยเชียวแหละ ก็แลกกันไปนะจ๊ะ ระหว่างสิวหายกับหน้าแห้ง ซึ่งเราใช้ออยทาหน้าก่อนนอนแทนเพื่อรักษาสมดุลหน้าเลยไม่มีประเด็นกับน้องเค้า วิธีการใช้น้องเค้าให้ดีอีกอย่างนึงคือ การเอาน้องไปแช่ตู้เย็น หลังล้างหน้าเสร็จเช็ดด้วยน้องเค้าหน้าเราจะเย็นกระชับตึงเลยแหละ สบายผิวหน้ามากๆ เสมือนน้องเค้าช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีเลยนะ

เพราชื่อเสียงของโรงพยาบาลเลยทำให้ต้องตามหาแป้งน้ำ ซึ่งพอดังปุ๊บ ราคาดีดปั๊บเลยจริงๆ จะไปซื้อเองก็ไกลสำหรับเรามากมาย พอได้มาใช้ต้องบอกว่าน้องแป้งน้ำของเราต้องเขย่าขวดก่อนใช้ทุกครั้งนะจ๊ะ เพราะน้องมีการนอนก้นอยู่ด้วยแล การใช้ก็ง่ายดายเขย่าเสร็จ ก็เทลงฝ่ามือแล้วโป๊ะๆเข้าหน้าเลยจ่ะ น้องให้ความรู้สึกเย็นดีนะเวลาทา แต่น้องเหมาะกับสิวผดหรือสิวอักเสบ(ที่ควรกดหัวออกแล้ว) มากกว่านะจ๊ะ ใครที่มีรูขุมขนกว้างหรือเป็นคนอุดตันเก่งไม่แนะนำเลยจ้าาาา เพราะน้องจะช่วยให้อุดตันยิ่งขึ้น 555 พอกับหน้าไม่ค่อยได้ผลเราเลยเอาไปลองกับหลัง อ้าวเห้ย ดีซะงั้น เราเลยว่าน้องอาจจะต้องเหมาะกันหลังแหละ ผิวหน้าน้องคงไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่นะจ๊ะ

คำเคลมของน้องคือ "สามารถป้องกันมลภาวะ ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้าเนียนกริบระดับไมโคร ปกปิดทุกรอยแดง รอยดำ สิว ริ้วรอย ติดทนยาวนานจากเช้าจรดเย็น" สำหรับเราน้องตามคำเคลมจริงๆนะจ๊ะหลังพาน้องไปสัมผัสผิวเรา แต่น้องอยู่ได้แค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ความมันบนใบหน้าเรามาอย่างชัดเจน ปกติหน้าเราจะหมองเฉพาะช่วงทีโซน เมื่อตอนเย็นย้่ำค่ำแล้ว แต่ว่าสำหรับน้อง อยู่ไม่เกินเที่ยงจ๊ะ ต้องโป๊ะน้องอีกรอบ ข้อดีของน้องอีกอย่างคือโป๊ะทับได้แบบว่าไม่เป็นครบเลยหนา แต่การทับลงไปแบบนี้เราไม่ค่อยชอบหน่ะ เลยหักไปดาวนึงละกันนะ เรื่องของการอุดตันอาจะมีบ้างนะต้องล้างดีๆเลยแหละเพราะน้องเค้าก็มีรองพื้นอ่ะเนอะ สุดท้าย อยากจะบอกว่าเราอาจจะคาดหวังกับน้องเค้ามากไปเลยแอบผิวหวังหน่อยๆ หรือเพราะปกติเค้าต้องเติมแป้งระหว่างวันกันอยู่แล้วอ่ะเนอะ (เราไม่ค่อยเติมหน่ะ) ก็เลยคาดหวังว่าน้องจะอยู่มากกว่า 4 ชม. แต่เรื่องเนียน ปกปิดน้องทำได้ดีเลยนะ ส่วนสีของแป้งถือว่าเหมาะกัคนขาวเหลืองอย่างเราได้ดีเลยจ้าา

ต้องบอกว่า เกิดมาไม่เคยได้ยินยี่ห้อนี้เลยในชีวิต ถ้าเรามิใช่ติ่งนุ้งญาญ่าเราคงไม่มาใช้คุชชั่นแน่ๆ เพราะเราเป็นคนผิวผสมค่อนไปทางมัน (แต่ผิวขาดน้ำนะ) โดยเฉพาะช่วงทีโซน สัมผัสแรกที่เปิดฝาน้องมาคือโสมเจ้าค่ะ กลิ่นโสมลอยมากเลย คือแบบตายแล้วววเวียนหัว แต่พอโป๊ะหน้างไปโอ้วแม่เจ้า น้องแปะหน้าง่ายมาก ปกติกว่าเราจะเกลี่ยพวก BB CC DD ได้นี่นานมาก แตะน้องมานิดเดียวเกลี่ยนได้เยอะมาก การปกปิดเราว่าดีเลยแหละ หลังทาน้องเค้าเสร็จคือหน้าเนียนมาก แนะนำว่าควรเอาแป้งฝุ่นโป๊ะตามอีกชั้นนึงนะ เพราะเดี๋ยวผิวเราจะวาวเกินไป ทีนี้ ต้องบอกว่าน้องคุมมันไม่อยู่แหละ เราทดลองด้วยการอยู่ในห้องพัดลมและออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ไหว้พระ ปล่อยปลา นั่งสวดมนต์ในโบสถ์ ให้อาหารปลากลางแจ้งประมาณ 3 ชั่วโมงน้องมีความวาวมาแล้วจ้า แต่ข้อดีของน้องคือหน้าเราจะไม่หมองนะ ซับมันเสร็จ ปะแป้งฝุ่นทับอีกชั้น พอไปที่อื่นต่อได้ ทีนี้มาถึงขั้นตอนการล้างหน้าน้องไม่มีความอุดตันเลยนะ เราสังเกตุว่าหลังล้างหน้าเสร็จน้องจะมีความหน้าเนียนอ่ะ (เราว่าเพราะโสมที่เค้าใส่มาช่วยบำรุงหน้าเรา) ชอบก็ตรงนี้แหละ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ควรค่าแก่การมีไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งของเรา ทั้งนี้ ถ้าเรากลับไปทำงานที่ออฟฟิตห้องแอร์แล้ว จะกลับมาบอกอีกทีนะว่าความวาวของน้องเค้าเป็นเหมือนตอนเราอยู่กลางแจ้งไหม (เราแอบเชื่อมั่นในตัวน้องเค้าอยู่แหละ)

สำหรับน้องบีโอเร Pore Pack ตัวนี้เค้าเคลมว่าช่วยขจัดสิวเสี้ยน รูขุมขนกระชับขึ้น สำหรับเราน้องเค้าก็กำจัดสิวเสี้ยนได้จริงนะจ๊ะ รูขุมขนกระชับขึ้นก็จริง สำหรับบีโอเรเราว่าตัวนี้ผ้าเค้านุ่นมากๆจับสบายมือ ลอกง่าย ผ้ามีความยืดหยุ่นดีไม่ขาดง่าย ใช้งานได้ตรงตามประสิทธิภาพดีนะจ๊ะ แต่ว่าต้องขอหักน้องเค้าสักดาวเถอะ คือเราอ่ะกะปริมาณการใช้น้ำไม่ถูกจริงๆ ใช้น้อยไปน้องเค้าก็แทบไม่ดูดอะไรออกมาเลย ใช้มากไปน้องเค้าก็จะมีความดำของตัวน้องเค้ามาโดนจมูกเราหลังใช้ซึ่งความดำของน้องเค้าทำให้เราต้องหักอีกดาวนะจ๊ะ (กว่าจะได้แบบในรูปก็ทำพังไปหลายแผ่นอยู่เพราะแห้งไปและเปียกไปนี่แหละ) จริงๆเราว่าไอเดียเค้าก็ดี สะดวกดีไม่ได้ทำร้ายผิวเหมือนพวกที่เป็นครีมทาๆ ต้องเลอะมือ แล้วลอกออกแบบนั้นทั้งเหม็นและก็ลอกแรงจนหนังกำพร้าเราแทบลอกออกมาด้วย แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ควรแก้เรื่องสีดำที่ติดจมูกออกมาหน่อยก็ดีเนอะ (มันให้ความรู้สึกเหมือนมีอะไรตกค้างบนผิวเราอ่ะ ทำให้เราต้องล้างหน้าใหม่ท ทั้งที่ก่อนเราใช้เราก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดอยู่แล้ว)

สำหรับคำเคลมของ Cetaphil เค้าบอกว่า "เนื้อนุ่มละมุน มอบความชุ่มชื้นตลอดคืน ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนจุดด่างดำ และปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ อย่างอ่อนโยน" เราสามารถบอกได้เลยว่า เราติ๊กถูกทุกข้อตามคำเคลมของเค้าได้เลยนะ เต็ม 10 ไม่หัักสักคะแนนเลยจ้าาา แรกเริ่มเดิมที เราได้มาเป็นซอง 10 ซองจ้า ทั้งสูตรกลางวันและกลางคืน นึกในใจ โหยซองนึงน้อยมาก เพราะหน้าเราพื้นที่เยอะ (หน้าบานนี่เอง) แต่ขออภัยเถอะ ซองนึงนะใช้ได้ 3 ครั้งเลยแบบฉ่ำๆกันเลยจ่ะ เนื้อสัมผัวของน้องเค้าก็คือเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นเสมือนเนื้อเซรั่มที่มีความข้นมากๆ ทาไปแล้วคือฉ่ำและเย็นหน้ามากมาย สำหรับสูตรกลางวันแอบบอกนิดนึงว่า เสมือนแอบมีโทนอัพเบาๆ ปรับให้หน้าขาวขึ้นมาเสียหน่อย (ไม่รู้คิดไปเองไหมหรืออาจจะเป็นเอฟเฟ็คจากตัวกันแดด SPF 15 ของเค้าก็ได้หนา) ปกติแล้วหน้าเราจะมีรอยแดง และรอยดำจากสิวประปราย แต่น้องตัวนี้ลดรอยดำจากสิวได้อยู่หนา หน้าเรารอยดำลดลงเยอะมากๆจ่ะ หลังสิวหายคือไร้รอยดำเลยแหละ หลังจากใช้มา คือถ้าไม่ถ่ายรุปก่อนใช้ไว้เราคงไม่รู้ตัวว่า ผิวเราดีขึ้นอยู่นะ คือน้องเค้าเสมือนค่อยๆช่วยปรับไปนะจ๊ะ ไม่ได้เห็นผลแบบเวอร์วังอลังการในเร็วขนาดนั้น แต่เห็นผลอยู่นะ และที่สำคัญน้องเค้าอ่อนโยนขั้นสุดจริงๆ เพราะมีอยู่ช่วงก่อนวันแดงเดือด สภาพผิวเราจะแย่มากด้วยฮอร์โมนส่วนตัวอยู่แล้วจ่ะ (อาการคือ สิวผด สิวอักเสบ และจะแสบร้อนหน้าแม้ทากันแดดแล้ว) ช่วงปลายปีเราก็ทำงานที่บ้านเนอะ ก็จะสามารถโบกครีมได้ตลอด ซึ่งเราไว้ใจน้องเค้าก่อนเลย และน้องเค้าก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ในเรื่องของอาการเห่อร้อนของหน้าช่วงที่ผิวหน้าเราอ่อนแอ ดังนั้น เราว่าน้องเค้าอ่อนโยนขั้นสุดจริงๆจ้าาาา

แอบตาม Nivea Rosy White Hokkaido Rose Micellar Water จากคุณป่านอยู่สักพัก และได้โอกาสเหมาะที่ Cosmenet มีกิจกรรมมาให้ลองก็เลยพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เลยจ่ะ อธิบายก่อนนะจ๊ะว่าปกติเราจะลงผิวหน้าด้วยคุชชั่น ตามด้วยแป้งฝุ่น และเครื่องสำอางต่างๆ เน้น ตาและปากเป็นหลัก ทีนี้ เวลาล้างเนี่ยปกติก็ใช้คลีนซิ่งครีม+คลีนซิ่งวอเตอร์ ยี่ห้อนึง คือใช้สำลี(กลับหน้าหลัง) ประมาณ 6-8 แผ่นก็ยังไม่หมดดีนะ แต่พอใช้น้องนี(เวีย) คือ 3 แผ่นแบบหน้าหลัง ลดลงมาครึ่งนึงเลยนะ น้องเอาอยู่อ่ะ และที่เป็นปลื้มคือเราเช็ดตาด้วยน้องนี(เวีย) เราไม่แสบตาแม้แต่น้อย (แม้จะรู้ว่าไม่ควรแต่อยากลองเพราะยี่ห้อที่เราใช้เป็นแบบออร์แกนิคแล้วนะ แต่แสบตามากๆ) ทีนี้ กลิ่นของน้องนี(เวีย) คือมีความกุหลาบอ่อนๆ โชยมาตอนเช็ดด้วยนะ ตอนเช็ดไม่ได้มีความรู้สึกว่าเย็นๆผิวเท่าไหร่ เลยคิดว่าน่าจะไม่มีน้องแอลกอฮอล์หรือถ้ามีอาจจะน้อยมากๆเลยจ้าา หลังเช็ดเสร็จลูบหน้าตัวเองดู โอ้ววววว ไม่เหนอะหนะแต่รู้สึกน้องเค้าช่วยให้หน้าฉ่ำวาวขึ้นด้วยนะ ทั้งนี้ สภาพหน้าเราผิวจริงคือมีความรอยแดง แอบแสบเบาๆจาก pm2.5 มาอยู่นะแต่พอมาเจอน้องนีตอนก่อนล้างหน้า เราว่าน้องเค้ามีความช่วยปลอบประโลมผิวเราอยู่ด้วยนะ รอยแดงบนผิวเราลดน้อยลงอยู่จ้า แต่เรื่องขจัดความหมองคล้ำคิดว่าไม่เห็นผลกับเรานะจ๊ะ สรุปภาพรวม ไม่แสบ อ่อนโยนมากๆ กลิ่นหอมกุหลาบเบาๆ และใช้ไม่เปลือง คิดว่าน่าจะใช้ต่อแน่นอนจ้าาาา

ต้องบอกว่าเราค่อนข้างปลื้มกับน้องเค้ามากๆค่ะ คือเราพาตัวเองไปเจอกับ 2 ทริปที่ทำให้หน้าต้องแหกมากๆ คือทริปพัทยา (ร้อนแดดขั้นสุด) และทริปเขาใหญ่ (ท้าลมหนาว) ทั้งสองทริปนี้คือเราพกพาน้องเค้าไปด้วยนะคะ สิ่งที่น้องเค้าช่วยเราหลังจากทาคือ หน้าเราไม่แสบ ไม่ร้อน ไม่ลอก ไม่เป็นรอยแดงๆ อีกทั้งน้องเค้าช่วยเติมน้ำให้ผิวเราขั้นสุดมากๆค่ะ ซึ่งถ้าเป็นปกติของเราที่เป็นคนผิวผสมกึ่งมันแต่ขาดน้ำ ป่านี้หน้าคงแห้ง ลอกเป็นขุยๆขาวๆเต็มหน้า รวมไปถึงสิวผด และรอยแดงคงบุกไปแล้ว และจากการใช้น้องมา 2 เกือบ 3 สัปดาห์ความเด้งของหน้าเราเพิ่มขึ้นอยู่นะคะ เห็นได้ชัดตั้งแต่ 14 วันแรกที่ใช้เลย เวลาทาเสร็จรู้สึกเย็นสบายผิวหน้ามากๆ ตัวเนื้อน้องเค้าไม่ได้ใสจนเหลว แต่พอทาแล้วไม่มีความเหนอะหนะ ซึมเข้าผิวไวมากๆค่ะ ซึ่งความชุ่มชื่นเห็นได้ชัดเจนเลยหลังทาเสร็จนะคะ แต่อาจต้องให้เวลาน้องสักนิดนึงหลังจากทาน้องเค้าเสร็จ เพื่อลงครีมหรือเซรั่มตัวถัดไปนะคะ ไม่ใช่ว่าน้องแห้งช้านะคะ แต่เราคิดเอาเองว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีและเห็นผลชัดควรมีระยะเวลาให้ครีมแต่ละตัวเค้าด้วยค่ะ ทั้งนี้เราจอสรุปสั้นๆว่า สิวที่เกิดขึ้นเป็นสิวจากฮอร์โมนวันแดงเดือดของเราเอง และรอยแดงๆของเราน้อยลงเยอะมาก รูขุมขนเรากระชับขึ้นด้วย ความหน้ามันช่วงเช้าตื่นนอนไม่มีเลยจ้าาา

สำหรับแป้ง BSC รุ่นนี้เห็นว่ามี 3 สีนะจ๊ะ คือ สำหรับผิวขาว สำหรับผิวสองสี และสำหรับผิวคล้ำ ซึ่งตัวเราเป็นคนผิวขาวค่อนไปทางเหลืองเลยเอาเบอร์สีเหลือมาใช้จ๊ะ คำเคลมของเค้าคือ "แป้งผสมรองพื้นเนื้อเนียนละเอียดบางเบา ปกปิดอำพรางริ้วรอย และจุดด่างดำบนใบหน้า" สำหรับเราน้องแป้งค่อนข้างทาแล้วเนียนกริบกลบรูขุมขนดังคำเคลมเค้านะจ๊ะ แต่เรื่องปกปิดเราว่าเฉยๆจ๊ะ เรามีรอยแดง และรอยดำจากสิว ซึ่งน้องช่วยกลบรอยแดงได้เนียนจ่ะ แต่รอยดำนี่ไม่ได้เลยจริงๆ เห็นแบบชัดเจนอยู่ ตอนเช้าที่ใช้หลังจากเตรียมผิวเสร็จน้องแป้งของเราทำให้หน้าเนียนอยู่นะ แต่สีน้องเค้าทำหน้าเราดำไปหน่อยเลยขอหักน้องเค้า 1 ดาว (แต่ก็ใช้สีขาวไม่ได้นะจ๊ะหน้าจะลอยมาก) เราเป็นคนหน้ามันช่วงทีโซน ตกบ่ายจมูกไปก่อนเลยจ้าาาา ก็ต้องมีตบเพิ่มบ้างแบบไม่หนา น้องแป้งเค้าก็ไม่ได้เป็นคราบและทำให้หน้าดูหนาขึ้นนะ สรุปรวมหลังใช้มาเกือบ 2 อาทิตย์บอกได้เลยว่าหน้าเรามีสิวอุดตันขึ้นตรึมเลยจ้าเลยน่าจะต้องหักน้องเค้าอีก 1 ดาวตรงนี้จ๊ะ (เราไม่ได้เปลี่ยนครีมใดๆระหว่างทดลองใช้แป้งนะจ๊ะ) ปล. รูปรอแปบนะจ๊ะเดี๋ยวจะตามมาโหลดให้อีกทีค่า

เราได้สูตร Nourish - ผิวดูขาว*เนียนนุ่ม มาให้ทดลองใช้นะจ๊ะ แรกเริ่มเดิมที น้องจุ๊กของเราดูแลโดยการเลเซอร์ (เพิ่งเริ่มได้ 2 ครั้งและ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง) และจะใช้ที่ดับกลิ่นเป็นแบบผงนะจ๊ะ โดยปกติแล้วเราเป็นคนมีกลิ่นแรงและมีเหงื่อออกกับน้องจุ๊กเป็นดวงๆอยู่ทุกวันจ๊ะ พอหลังจากที่ใช้ไปได้ 2-3 วันเราว่าน้องเค้าทำให้เราเหงื่อเราน้อยลงนะจ๊ะ ความขาวเรายังไม่เห็นผลลัพธ์เท่าที่ควร แต่กลิ่นเค้าหอมมมมมมม ติดใจเรามาก ทั้งนี้ช่วงที่ใช้เราไม่เคยรอแห้งเลยนะ ทาเสร็จก็ใส่เสื้อไปเลย ซึ่งน้องเค้าก็ไม่ทำให้เสื้อเราเป็นคราบทั้งตอนหลังทาเสร็จและตอนซักนะจ๊ะ ก็ใช้ไปจนครบ 1 สัปดาห์ดันพบว่าแพ้จ่ะ ผื่นแดงขึ้นเต็มเลย และคันมากมายจนต้องหยุดใช้ และกลับไปสู่แบบผงเช่นเดิม แอบเสียดายความหอมของน้องเค้า ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเลเซอร์ก็เป็นได้นะจ๊ะ ทั้งจากรูปน้องจุ๊กเรายังเหลือร่อยรอยแดงๆอยู่หน่อย และขนขึ้นค่อนข้างเยอะอยู่หลังจากที่เราไปเลเซอร์มาได้ครบอาทิตย์ (แต่เราเป็นคนขนขึ้นเร็วอยู่แล้ว) ก็ขอสรุปว่า เรื่องความหอม ไม่เป็นคราบลดกลิ่นและเหงื่อได้ดีค่ะ แต่เรื่องความขาวและขนงอกช้าลงนี่เราไม่เห็นผลนะจ๊ะ

เป็นขวดแรกและขวดเดียวที่รู้สึกว่าคุ้มค่ามากสำหรับการเดินตรงเข้าไปหาเคาร์เตอร์ Three แล้วจิ้มเลยจ่ะว่าจะเอาอันนี้ คือต้องบอกว่าได้ยินชื่อเสียงเค้ามานานมากแล้ว และเป็นตัวที่ใช้เองมาได้สักพักแล้ว กำลังเริ่มขวดที่สอง (ขวดแรกคือนานจนลืมมารู้ตัวอีกทีหมดแล้วจ่ะ) ปกติเราจะล้างด้วยทรีก่อน ถูๆๆๆๆนวดๆๆๆๆ แล้วเอาน้ำเหยาะให้เปลี่ยนเป็นน้ำนมสีขาว แล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังจากนั้น เราจะใช้ คลีนซิ่งวอเตอร์เช็ดซ้ำอีกที (เพื่อความสะอาดและรีเช็คว่าหมดแล้วนะ) ซึ่งใช้แค่สำลีแผ่นเดียวหน้าหลังก็สะอาดแล้ว พอขวดแรกหมดก็ยังไม่ได้ไปเอฟซ้ำเลย ใช้แต่คลีนซิ่งวอเตอร์ เรารู้สึกว่า มันไม่สะอาดอ่ะ และก็เปลืองมากๆ เราเลยต้องไปจัดมาอีกขวด เราว่าเราเหมาะกับเค้านะ เราผิวผสม ลงกันแดดและรองพื้นทุกวัน แต่ไม่มีสิวเลยนะ เพราะเราเชื่อว่าเราล้างหน้าสะอาดเพราะเค้าเลยจริงๆ และที่สำคัญความมันของหนาช่วงทีโซนเราค่อนข้างน้อยลงมากๆ ไม่ต้องซับมันกันเลยทีเดียว ส่วนช่วงแก้มที่แห้งๆขุยๆ พอมีน้องทรีตัวนี้หลังล้างหน้าคือหน้าเราฉ่ำอยู่นะ แก้มนิ่มดีมาก ก็เป็นอีกชิ้นที่เราว่าต้องมีติดบ้านติดตัวไว้แม้ราคาจะแรงแต่เราว่าน้องเค้าอยู่กับเรานานมากจริงๆ คุ้มค่าคุ้มราคาจ่ะ