เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมน้ำหอมขวดเล็ก ๆ ถึงได้แพงนักหนา แต่เมื่อได้จ่ายเงินสำหรับขวดแรกไปแล้ว ก็ต้องมีขวดต่อ ๆ ไปแบบขาดไม่ได้ อะไรทำให้คนเรายอมจ่ายเงินหลักพันเพื่อให้ตัวเองหอม นั่นเพราะเรื่องราวของน้ำหอมในแต่ละขวดนั้นช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ
ศาสตร์และศิลป์ของความหอมนั้นมีมายาวนานตั้งแต่ยุคอียิปต์ฟาโรห์ ตกทอดมาจนถึงยุคกรีกและถูกพัฒนาเรื่อยมา ให้กลิ่นติดทนนานมากขึ้น โดยมีชาวเปอร์เซียในยุคกลางเป็นผู้พัฒนาก้าวสำคัญ คือการสกัดน้ำหอมจากดอกกุหลาบที่ปลูกกันมากมายทั่วเมือง และกรุงแบกแดดในสมัยนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งความหอม หรือ “City of Fragrances”
จุดเริ่มต้นของน้ำหอมยุคใหม่นั้น เริ่มมาจากการทำน้ำหอมเพื่อถวายแด่พระราชินีอลิซเบธของฮังการี ที่เริ่มใช้แอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมสำคัญ แต่การผลิตน้ำหอมออกขายเป็นเรื่องเป็นราวนั้นเริ่มที่เมืองกร๊าสของประเทศฝรั่งเศส โดยมีสามแบรนด์แรกคือ Galimard Perfumery, Molinard, และ Fragonard Perfumery
น้ำหอมแบ่งตามระดับความหอมแรงหอมนานไว้ 5 ระดับ ตามนี้
- Parfum ออกเสียงว่า ปากร์เฟิง (อาจจะได้ยินบางคนเรียก ปาร์ฟูม ก็ไม่ผิดอันใดค่ะ) เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นที่สุด มีหัวเชื้อน้ำหอมที่บริสุทธิ์ 20-30% ติดทนนานถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งก็จะมีราคาแพงที่สุด นิยมใช้แต้มตามจุดชีพจรบนร่างกาย เช่น ข้อมือ ต้นคอ หลังใบหู
- Eau De Parfum ออกเสียงว่า โอ เดอ ปากร์เฟิง เป็นปากร์เฟิงที่มีหัวเชื้อน้ำหอมบริสุทธิ์ 15-20% กลิ่นก็จะอยู่ได้นานประมาณ 5-8 ชั่วโมง ไม่นานเท่าแบบแรก แต่ก็นานพอสำหรับการออกไปทำธุระนอกบ้านทั้งวัน และตามหลักการเดิม ควรฉีดตามจุดชีพจรบนร่างกาย จะฉีดผมบ้างก็ได้ แต่อย่าให้เพลินเกินไปดีกว่า
- Eau De Toilette ออกเสียงว่า โอ เดอ ตัวเล็ตต์ มีส่วนผสมของหัวเชื้อน้ำหอมอยู่ 5-15% จะหอมได้ไม่นานมาก ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่จะเป็นตัวที่เหมาะกับใช้ในฤดูร้อนหรือจริง ๆ ก็เหมาะกับประเทศไทยในวันที่ออกไปเดินช้อปปิ้งกลางแจ้ง ซึ่งควรพกติดตัวเอาไว้เติมระหว่างวันด้วย
- Cologne อันนี้ออกเสียงกันได้ถูกต้องแล้วค่ะ คือ โคโลญ นี่แหละ ด้วยเปอร์เซ็นต์ของหัวเชื้อน้ำหอมเพียง 2-4% ติดทนอยู่เพียง 2 ชั่วโมง แต่ก็หอมชื่นใจ กลิ่นเบา ๆ เติมได้ตลอดวัน แล้วโคโลญยังเป็นวิธีการทำน้ำหอมที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยนโปเลียนอีกด้วย
- Eau Fraiche ตัวนี้อ่านว่า โอเฟรช ตัวหลังแปลว่าสด เหมือน Fresh พอมารวมกันมันหมายถึงเจือจาง มีส่วนผสมของน้ำมันหอมเพียง 1-3% เท่านั้นเอง ตัวนี้อยู่ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ใครอยากหอมบ้างแม้จะไม่ค่อยชอบพวกน้ำหอมเท่าไหร่นัก ก็เลือกตัวนี้ไปเลย
เมื่อเราฉีดน้ำหอมลงบนผิว ความรู้สึกของกลิ่นขณะที่ฉีดลงผิวในนาทีแรกจะเป็นกลิ่นหนึ่ง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปสักพัก กลิ่นก็จะเริ่มเจือจางลง แต่แสดงถึงกลิ่นเอกลักษณ์ของน้ำหอมนั้นได้ชัดเจนขึ้น และเมื่อระยะเวลาผ่านไปอีก ก็จะหลงเหลือเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวตามแต่ละบุคคล โดยเราจะเรียก แต่ละช่วงของกลิ่นว่า Notes ซึ่งจะมีกันทั้งหมด 3 ระยะ ประกอบด้วย
- Top notes เมื่อเราแต้มหรือฉีดน้ำหอมลงบนผิว กลิ่นนี้จะทำงานอยู่ในช่วง 15 นาทีแรก แล้วจะค่อย ๆ จางหายไป ในช่วงนี้บางคนจะไม่ชอบกลิ่นของมัน บางคนรู้สึกหอมถูกใจในทันทีที่คนขายน้ำหอมให้ลอง แต่พอยอมเสียเงินกลับไปถึงบ้าน ได้ใช้จริงกลับไม่ใช่นี่นา ขณะที่บางคนฉีดปื้ด คนใกล้ ๆ รับไม่ได้ แต่ใจเย็น ๆ เดี๋ยวกลิ่นหอมที่แท้จริงจะออกมาเอง อย่าเพิ่งเสียเซลฟ์ไป
- Heart notes หรือ Middle notes เป็นกลิ่นหลักของน้ำหอมหลังจากที่กลิ่น Top notes ค่อย ๆ จางหายไป นี่แหละคือกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอมตัวที่คุณใช้อยู่ มันจะอยู่ไปกับคุณนานที่สุด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
- Base notes เมื่อกลิ่นนี้ทำงานในช่วงท้าย มันจะไปพยายามช่วยให้กลิ่นอื่น ๆ ทำงานต่อไป ส่วนนี้จะประกอบด้วยโมเลกุลตัวที่ระเหยได้ช้าที่สุด แต่เมื่อกลิ่นช่วงแรกจางไปเยอะแล้ว กลิ่นนี้ก็อาจไม่ค่อยถูกใจบ้าง แต่ยังไงมันก็ช่วยให้เราตัวหอมจนถึงนาทีสุดท้ายนั่นแหละ
Trick & Tips ในการเลือกน้ำหอมก่อนจะเสียเงิน
1. เราจะคุ้นชินกับการเทสกลิ่นน้ำหอมบนกระดาษ ซึ่งมันคือกลิ่นบนกระดาษ แนะนำให้ฉีดลงบนข้อมือด้านใน แล้วออกไปเดินวน ๆ รอบห้างสักรอบ ให้น้ำหอมได้ทำปฏิกิริยากับผิวของเรา อย่างน้อยให้ได้กลิ่นของ Middle notes ถ้ายังไม่ใช่ก็ล้างออกและขอลองตัวใหม่จะดีกว่า แต่ก่อนไปเลือกก็ควรมีช้อยส์อยู่ในใจก่อนนะจ๊ะ อ่านรีวิวเยอะ ๆ แล้วค่อยไปลอง
2. ควรมีน้ำหอมมากกว่า 1 กลิ่น เพราะบางกลิ่นก็ไม่เหมาะกับการเดินช้อปกลางแดด บางกลิ่นก็จะได้กลิ่นชัดในอากาศเย็น เดินห้างสวย ๆ อะไรงี้ แต่ละงานเราจะใช้น้ำหอมไม่เหมือนกัน แต่เลือกจนเจอกลิ่นที่ใช่ กลิ่นที่เป็นตัวเองแล้วใช้ให้คนจดจำ ไม่ใช่เลือกตามเพื่อน
3. อย่าเสียดายเงินที่จะซื้อน้ำหอมของแท้ แล้วไปซื้อน้ำหอม CC มาใช้ เพราะกลิ่นมันแตกต่างจริง ๆ หรือสมมุติว่าผสมกลิ่นออกมาแทบไม่ต่างกับน้ำหอมยี่ห้อดังราคาแพง มันก็จะต่างตรงที่ของปลอมอาจหอมได้ไม่นาน แล้วยังต้องฉีดเยอะ สุดท้ายเปลืองไม่ต่างกัน
Tips ฉีดน้ำหอมให้หอมนาน
1. เริ่มที่อย่าเก็บน้ำหอมไว้ในห้องน้ำและตู้เย็น และควรเก็บไว้ในที่ ๆ มีอุณหภูมิคงที่ ไม่ร้อนจัดและเย็นจัด และไม่โดนแสงโดยตรง
2. ทาวาสลีสตรงจุดชีพจร ที่เราจะฉีดหรือแต้มน้ำหอม จากนั้นก็ฉีดตรงนั้นเลย จะช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น
3. ทาครีมหรือโลชั่นที่ไม่มีกลิ่นหอมบนผิวหนังก่อนที่จะฉีดน้ำหอม จะช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้น ใครผิวแห้งควรทำด้วยนะ แต่ระวังโลชั่นที่มีกลิ่นหอมอยู่แล้ว อาจทำให้กลิ่นน้ำหอมตีกันจนเหม็นล่ะ
4. ฉีดน้ำหอมบนหวีแปรงผมก่อนที่จะแปรงผม ดีกว่าฉีดที่ผมโดยตรง จะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ กระจายทั่วเส้นผม แล้วก็จะอยู่ได้นานขึ้นอีกนิดด้วย
5. อย่าถูข้อมือสองข้างเข้าด้วยกันหลังฉีดน้ำหอม ไม่ได้ช่วยให้หอมนานขึ้น แต่จะทำให้กลิ่น top notes หายไปอย่างรวดเร็วแล้วยังมีผลให้กลิ่น Middle notes จางหายเร็วขึ้นด้วย
ทริคเลือกน้ำหอมในแต่ละโอกาส
- มีนัดสัมภาษณ์งาน ควรเลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ หน่อยก็ดี เพราะเราไม่รู้หรอกว่าคนสัมภาษณ์จะแพ้กลิ่นน้ำหอมไหม เลือกกลิ่นสะอาดสดชื่น ฉีดให้เบาให้มากที่สุด
Tommy Girl / Clinique Happy
- มีเดทก็เช่นกัน เลือกความหอมหวานเบา ๆ ไปก่อน และควรเลือกกลิ่นที่เข้ากับบุคลิกของเราให้มากที่สุด และก็ขึ้นอยู่กับว่า เดทที่ไหน ถ้าเป็นเดทในร้านหรูหราบนดาดฟ้าอากาศเย็นฉ่ำก็อาจไม่ต้องระวังมาก แต่ถ้าเดทแบบเอาท์ดอร์ ต้องเลือกกลิ่นเย็นสดชื่น หรือกลิ่น Citrus เบา ๆ ก็น่ากินดี อุ๊ปส์
YSL Mon Paris / Victoria's Secret Bombshell
- ไปทะเล ลองใช้กลิ่นสดชื่นประเภท Oceanic หรือกลื่น Aquatic ก็ได้ เพราะเดี๋ยวก็ต้องไปเดินตากแดด ตากลม เหงื่อออก เลือกเป็นน้ำหอมประเภทโคโลญหรืออย่างมากก็ Eau De Toilette ก็เพียงพอแล้ว
Jo Malone Wood Sage Sea Salt / DKNY Apple
- ฉีดน้ำหอมไปทำงาน ต้องเกรงใจผู้ร่วมงานสักนิด โดยเฉพาะงานที่ต้องพบปะผู้คน แล้วต้องดูด้วยว่าลักษณะงานเป็นแบบไหน โดยเฉพาะเมื่อเป็นภาพลักษณ์ของบริษัท ก็ต้องเลือกให้ดีด้วย
CK one / Issey Miyake L'eau D'issey
มาจนถึงบรรทัดนี้ คุณน่าจะรอบรู้ในเรื่องของน้ำหอมมากพอที่จะไปในสเตปต่อไปคือหาอ่านรีวิว แล้วดูซิว่า ตัวเราควรจะหอมแบบไหน จากนั้นก็ตรงไปที่เคาท์เตอร์แบรนด์เลย ขอลองกลิ่นที่คิดว่าใช่ ค้นหาตัวตนให้พบ แล้วคุณจะพบกับน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับตัวเองเข้าไปอีกด้วยนะ ถ้าเลือกน้ำหอมเป็น ก็ลืมความคิดที่ว่าฉีดน้ำหอม = ฉุนจมูก ไปได้เลย
เมื่อคิดจะซื้อน้ำหอมแล้ว ทำการบ้านก่อนไปเลือกที่เคาท์เตอร์ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยนะ น้ำหอมแบรนด์ไหนดี? แบรนด์ไหนน่าตำ? เรารวมมาให้แล้วจ้า
v
v
เนื้อหาโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th